อีเอ็ม มอเตอร์ บุกตลาดครั้งใหญ่ เปิดตัวจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ EM Qarez ภายใต้แบรนด์ EM ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วัยรุ่น Gen Z ตั้งเป้ายอดขาย 2,000 คันในปีแรก พร้อมประกาศลงทุนเพิ่ม 150 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิต 20,000 คันต่อปี หลังมียอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด 6-8 เท่าตัว ตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 67 กว่า 600 ล้านบาท ขึ้นแท่นเบอร์ต้นผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
14 พ.ค. 2567 -นายธานัท ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีเอ็ม มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า อีเอ็ม เปิดเกมรุกตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าปี 2567 ด้วยการเปิดตัว EM Qarez ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก “เทรนด์รักษ์โลก” ในปัจจุบัน พร้อมตอบกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลภาวะและแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างยั่งยืน ก้าวเข้าสู่โลก Green Technology อย่างเต็มรูปแบบ
ซึ่งในปีนี้ได้เปิดตัวจักรยานยนต์ไฟฟ้า “EM Qarez” ตอบโจทย์วัยรุ่น Gen Z ผู้รักความทันสมัย ด้วยดีไซน์ Chic & Cool รูปลักษณ์ที่โดดเด่น ในคอนเซ็ปต์ Urban Fashion Scooter ที่กำลังนิยมในหมู่นักขับขี่ทั่วโลก เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะในการขับขี่แบบยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยระยะทางที่ไกลมากขึ้นถึง 50-70 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ ซึ่งเหมาะกับการขับขี่การใช้งานที่สะดวกสบายในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังประหยัดเพราะหนึ่งการชาร์จจ่ายค่าไฟฟ้าเพียง 1.7 หน่วยหรือประมาณ 7 บาทเท่านั้น ประหยัดกว่าจักรยานยนต์น้ำมัน 8-10 เท่า พร้อมรับประกันมอเตอร์นาน 5 ปี หรือ 30,000 กม. และรับประกันกล่องคอนโทรลเลอร์ และแบตเตอรี่ เวลา 3 ปี หรือ 20,000 กม. และระบบไฟฟ้า 1 ปี หรือ 5,000 กม.
ทั้งนี้ EM Qarez คือทางเลือกที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนเมืองที่ชื่นชอบความประหยัด ที่สำคัญ EM Qarez ได้ส่วนลด 18,000 บาท จากภาครัฐ ราคาสุดคุ้ม เหลือเพียง 38,340 บาท จากราคาปกติ 57,600 บาท
นายธานัท ว่า ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา EM มอเตอร์ ได้พัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงบันดาลใจมุ่งเน้น “จักรยานเพื่อครอบครัว” จึงเริ่มต้นนำเข้าจักรยานไฟฟ้าจากประเทศจีนมาจำหน่ายครั้งแรกในประเทศไทย กระแสตอบรับในตอนนั้นดีมากเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปด้วยกระแสการรักสุขภาพและรักษ์โลก โดยมีปัจจัยจาก 1. สิ่งแวดล้อม 2. ฝุ่น PM 2.5 และ 3. ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทั้ง 3 ปัจจัยนี้ คือ จุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ EM ในปี 2561
“เราค่อย ๆ พัฒนาแบรนด์ EM ให้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ต่อมาในปี 2020 เราตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน และอีกหนึ่งหัวใจหลักของจักรยานยนต์ไฟฟ้า คือ แบตเตอรี่ เราจึงคิดว่าจะดีแค่ไหนหากเรา มีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของเราเอง จึงเป็นอีกครั้งที่ EM ตัดสินใจลงทุนเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ โดยเราใช้เงินลงทุนทั้งสองโรงงานอยู่ที่ 150 ล้านบาท” นายธานัท กล่าว
ในปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศกว่า 500 สาขา แยกเป็นจักรยานยนต์ไฟฟ้า 50 สาขา และ จักรยานไฟฟ้า 450 สาขา โดยในปีที่ผ่าน สามารถกวาดยอดขายได้สูงถึง 300 ล้านบาท และเราตั้งเป้ายอดขายในปี 2567 นี้ไว้ที่ 600 ล้านบาท พร้อมวางแผนลงทุนเพิ่มอีก 150 ล้านบาท เปิดโรงงานผลิตรถจักรยาน และจักรยานยนต์ไฟฟ้าอีกแห่งภายในปี 2568
สำหรับ EM คือ ผู้ผลิต และจำหน่ายรถจักรยานไฟฟ้าและจักรยานยนต์ไฟฟ้า เมดอินไทยแลนด์ เจ้าแรกของเมืองไทย ปัจจุบันเราครองอันดับ 3 ของตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์ของตลาดมอเตอร์ไซค์จะแบ่งเป็น มอเตอร์ไซค์น้ำมัน 99% และจักรยานยนต์ไฟฟ้ามีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 1% หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ตลาดเติบโต คือ เทรนด์การรักษ์โลก, มลพิษทางอากาศ และ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 รวมถึงราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาด้านพลังงาน ดังนั้นจึงทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและจักรยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญมากคือ การสนับสนุนจากภาครัฐ
อย่างไรก็ดี EM มุ่งมั่นที่จะผลิต และพัฒนาจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ ราคาย่อมเยาว์ แบตเตอรี่คงทน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีบริการหลังการขายที่ทำให้ลูกค้าอุ่นใจ ด้วยตัวแทนจำหน่ายที่เข้าใจผลิตภัณฑ์ ทีมช่างที่มีคุณภาพ เพราะเชื่อว่า “ถ้าเราผลิตสินค้าที่ดี มีบริการหลังการหลังการขายที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่น ทีมงานช่างมืออาชีพ” สินค้าของเราก็จะเป็นที่ยอมรับ และทำให้ค่อย ๆ เติบโตขึ้น โดยตั้งใจว่าอีก 3 ปีข้างหน้า เราจะสามารถขึ้นเป็นผู้นำตลาดผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เศรษฐา' ถกผู้บริหารโซนี่ฟุ้งเรื่อง 'เอไอ-อีวี'
นายกฯ หารือบริษัท Sony ย้ำความเชื่อมั่นและแนวโน้มการขยายการลงทุนในไทย เพื่อรองรับการเติบโตของ AI Technology และ EV