'คลัง' สั่งรีดงบหมื่นล้านล้างประวัติลูกหนี้ ชงฟื้น LTF หวังปลุกตลาดหุ้นล้านล้านบาท

‘คลัง’ สั่งรีดงบ 1 หมื่นล้านบาท ลุยล้างประวัติหนี้เสียอุ้มลูกหนี้ 1 ล้านราย เคาะ AMC เตรียมประกาศนโยบายสิ้น พ.ค. นี้ หนุนออมสิน-BAM ผนึกกำลังล้างหนี้เน่า ชงฟื้น LTF ปลุกตลาดหุ้นล้านล้านบาท

13 พ.ค. 2567 – นายพิชัย ชุณหวชิร  รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ธนาคารออมสิน และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่วยแก้หนี้ให้กับลูกค้าที่เป็นหนี้เสีย รายละไม่เกิน 10,000 บาท  ซึ่งปัจจุบัน มีปัญหาข้อมูลติดในระบบเครดิตบูโร กว่า 1 ล้านราย ซึ่งหากพิจารณาแล้วเสร็จ ให้ดำเนินการได้ทันที โดยรัฐบาลจะตั้งงบประมาณราว 10,000 ล้านบาท มาใช้หนี้ในส่วนนี้ให้ก่อน เพื่อให้ลูกหนี้ กลุ่มดังกล่าวกลับเข้าสู่ระบบอีกครั้ง และชำระหนี้ได้ตามความสามารถ โดยกำหนดกรอบเวลาชำระคืนไม่เกิน 2 ปี

“รัฐบาลยินดีตั้งงบ 10,000 ล้านบาท มาช่วยคนที่มีหนี้ค้างมานาน ไม่เคลื่อนไหว เพื่อให้ธนาคารได้รับการชำระคืน และลูกหนี้ไม่ต้องเป็นหนี้เสีย สามารถกลับมาผ่อนใหม่ ภายใต้เงื่อนไขใหม่ ซึ่งรัฐบาลจะใช้งบปลดหนี้ให้ ซึ่งทำได้เลย แต่ขอไปดูก่อนว่าจะใช้งบส่วนไหนมาดำเนินการ แต่รู้ว่ามีเงินแน่นอน“ นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวอีกว่า ส่วนหนี้เสียที่มีมูลค่าหนี้บวกลบในระดับ 30,000-50,000 บาท โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สูญ และตัดจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายไว้แล้วจำนวนมาก ก็จะมีการตัดขายหนี้มาให้กับ บริษัทร่วมทุน Joint Venture Asset Management Company : JVAMC ซึ่งเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างธนาคารออมสินกับ บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด หรือ BAM ซึ่งทั้งหมดจะมีความชัดเจนและประกาศนโยบายได้ภายในเดือน พ.ค. นี้ และกระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นใน มิ.ย. 2567

‘หนี้เสียกลุ่มนี้ต้องมีระบบเรียกเก็บหนี้รายย่อยที่มีประสิทธิภาพ คงต้องหาคนมีประสบการณ์มาดำเนินงาน ในส่วนนี้ออมสินคงทำงานร่วมกับ BAM ซึ่บริหารจัดการได้ และเป็นการดำเนินการกึ่ง ๆ กิจการเพื่อสังคม (CSR) บางส่วนได้กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง แต่ก็ต้องทำเพื่อเป็นการแก้ปัญหา เป็นการอุ้มลูกหนี้ที่ไม่มีทางออก” นายพิชัย ระบุ

ส่วนกรณีความคืบหน้าการฟื้นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) นั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานไปดูรายละเอียด และเงื่อนไขของ LTF ที่จะสามารถเรียกความสนใจของนักลงทุน ซึ่งในอดีตมีคนนิยมซื้อมูลค่าถึง 300,000-400,000 ล้านบาท ถ้ามีการจัด SET50 ใหม่มันก็อาจจะกลับมาได้ และช่วยกระตุ้นมูลค่าตลาดที่หายไป 1 ล้านล้านบาทให้กลับมาได้ด้วย แต่คงต้องหาเงื่อนไขอายุการถือครองที่เหมาะสม ให้คนสนใจ ว่ามีอายุกี่ปี ซึ่งขณะนี้พอมีไอเดียแล้วอะไรทำได้เร็วที่สุดก็ต้องทำ คนที่ดูแล ก็ต้องดูให้รอบคอบ

เพิ่มเพื่อน