เมกาบางนา ประกาศวิสัยทัศน์ผู้บริหารคนใหม่ เดินหน้าโครงการเมกาซิตี้ มั่นใจพื้นที่ย่านบางนายังเติบโตต่อเนื่อง พร้อมแสวงหาความร่วมมือพันธมิตรต่อจิ๊กซอว์พัฒนาโครงการมิกซ์ ยูส ที่สมบูรณ์แบบของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก
2 พ.ย. 2567 – นายมาริส อโบลตินส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา และโครงการเมกาซิตี้ เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจยังคงตอกย้ำการเป็น YOUR EVERYDAY MEETING PLACE ของเมกาบางนา ที่ได้ดำเนินงานมาตลอดระยะ 12 ปี รวมทั้งยังมีเป้าหมายในการรักษาลูกค้าเดิมควบคู่กับการขยายฐานลูกค้าใหม่ให้มากขึ้น ด้วยการสร้างประสบการณ์และการมอบข้อเสนอที่มีความแตกต่าง แปลกใหม่และเข้าถึงความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายได้อย่างแท้จริง เพื่อให้เป็นมากกว่าแหล่งช้อปปิ้งแต่เป็นการใช้ชีวิตสำหรับคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ทุกครอบครัว
สำหรับโครงการเมกาซิตี้ มองว่ายังสามารถพัฒนาได้อีกมาก โดยหนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการเมกาซิตี้ คือ การดึงสปอร์ตเอนเตอร์เทนเมนท์ชื่อดังที่เปิดมาแล้ว 70 แห่งทั่วโลก อย่าง TOPGOLF มาเปิดให้บริการเป็นสาขาแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนส่วนต่อขยายของเมกาบางนา การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โรงแรม อาคารสำนักงาน รวมถึงการพัฒนาพื้นที่รีเทลเพิ่มเติม
ขณะเดียวกันจากจุดแข็งของทำเลย่านบางนา-ตราดที่ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมถึงการลงทุนจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จะทำให้ย่านบางนา-ตราด ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง การมีโครงการมิกซ์ ยูส ขนาดใหญ่อย่างโครงการเมกาซิตี้ จะสามารถรองรับความต้องการทั้งด้านที่อยู่อาศัยและการบริโภคได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ปัจจุบัน โครงการฯ อยู่ระหว่างการขยายระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งได้มีแนวทางการพัฒนาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อผลักดันให้โครงการเมกาซิตี้ เป็นโครงการมิกซ์ ยูส ที่สมบูรณ์แบบของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก
ส่วนกลยุทธ์แนวทางการบริหารศูนย์การค้าเมกาบางนาเพิ่มเติม โดยเฉพาะจุดแข็งในด้าน TENANT MIX ซึ่งเปิดให้บริการในปี 2555 ปัจจุบันมีผู้เข้ามาใช้บริการรวมแล้วกว่า 550 ล้านคน สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ระดับภูมิภาคอาเซียนได้อย่างชัดเจน โดยในขณะนี้เมกาบางนาที่มีพื้นที่ขายรวมกว่า 240,000 ตารางเมตร มีอัตราการเช่า 100% โดยผู้เช่าหลักที่เป็นแม็กเน็ตสำคัญ ได้แก่ IKEA, CENTRAL @ MEGABANGNA, HOMEPRO, BIG C Extra, MEGA CINEPLEX และมีร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์บริการต่างๆ รวมทั้งหมดกว่า 900 ร้านค้า ซึ่งมองว่าเมกาบางนา ยังมีศักยภาพในด้านการขยายพื้นที่ให้กับแบรนด์สินค้าต่างๆ ที่ต้องการมาเปิดสาขาเพื่อรองรับกำลังซื้อในย่านกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการดึงแบรนด์ที่ตอบโจทย์กับลูกค้าของเมกาบางนาเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเดิมและเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ ซึ่งในปีนี้มีแบรนด์ที่เข้ามาเปิดสาขาแล้ว อาทิ NIKE FLAGSHIP STORE, H&M HOME, FAMTIME, LA MEOW BBQ & BISTRO และกำลังจะเปิดในเร็วๆ นี้ อาทิ POP MART , LONGINES, CARE BEAR CAFÉ’, NIKO AND…, LONG JOHN’S SILVER, BHC CHICKEN, SINDOSEGI และ EASY! BUDDY เป็นต้น และมีแผนงานในการดึงร้านค้า แบรนด์ดัง ร้านค้าที่อยู่ในกระแสได้รับความนิยม ร้านอาหาร ศูนย์บริการต่างๆ ที่ครอบคลุมในทุก CATEGORY เพื่อมาเสริมศักยภาพของเมกาบางนาให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจากกลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้เมกาบางนาเป็นสวรรค์ของการช้อปปิ้งและการใช้ชีวิตที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม
อย่างไรก็ดี ปี 2567 นี้ ได้วางงบประมาณทางการตลาดไว้ที่ 200 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาสแรกได้จัดแคมเปญทั้ง Seasonal Campaign และ Monthly Campaign มาตั้งแต่เทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน และสงกรานต์ รวมถึงการจัดกิจกรรมสำหรับคอมมูนิตี้ต่างๆ เช่น Mega Pet Day และในเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นโอกาสครบรอบ 12 ปี ของเมกาบางนา จึงจัดแคมเปญ 12th ANNIVERSARY 365 MEGA MOMENTS โดยสานต่อกลยุทธ์ COLLABORATED EXPERIENCE ด้วยการร่วมกับศิลปินนักวาดภาพชื่อดัง JIRAYU KOO (จิรายุ คู) หรือ คุณจิรายุ คูอมรพัฒนะ ในการสร้างสรรค์งานศิลปะ ซึ่งเราได้นำผลงานมาต่อยอดสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้า ตั้งแต่การตกแต่งบรรยากาศของศูนย์การค้า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การจัดทำของสมนาคุณเอ็กซ์คลูซีฟคอลเลคชั่นอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมาริส อโบลตินส์ เป็นผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมค้าปลีกมานานกว่า 15 ปี มีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การบริหารพื้นที่ค้าปลีกและการวางกลยุทธ์ด้านการขยายธุรกิจ โดยผ่านการทำงานกับเชนห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในกลุ่มประเทศยุโรป รับผิดชอบครอบคลุมทั้งด้านงานพัฒนาศูนย์การค้า การก่อสร้าง การบริหารร้านค้า ผู้เช่าและพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ รวมไปถึงมีประสบการณ์การทำงานร่วมกับ IKEA ในยุโรปหลายประเทศ ซึ่งจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญดังกล่าวเชื่อมั่นว่าสามารถขับเคลื่อนเมกาบางนาได้ในทุกมิติ