“สุดาวรรณ” ระดมสมองขับเคลื่อนท่องเที่ยวช่วงกรีนซีซั่น เพื่อไม่ให้มีโลว์ซีซั่นในปีนี้ ลุยจีบนักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้าไทย พร้อมดันบิ๊กอีเว้นต์ชูจุดขาย 5 สิ่งที่ต้องทำในประเทศไทย จัดเทศกาลอาหารทะเล กิจกรรมถนนคนเดิน จำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน พ่วงคอนเสิร์ตศิลปินที่เป็นขวัญใจของนักท่องเที่ยวมาเลเซีย และกิจกรรม Amazing Beach Life Festival ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมกีฬาทางน้ำ ศิลปะ ดนตรี การแสดงทางวัฒนธรรมร่วมสมัย
28 เม.ย. 2567 – นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานการประชุมติดตามแผนปฏิบัติการการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวช่วงกรีนซีซั่นตามนโยบาย IGNITE Tourism Thailand พร้อมด้วยนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้บริหารททท. เพื่อติดตามความคืบหน้าสถานการณ์และแนวโน้มการท่องเที่ยวปี 2567 ของตลาดต่างประเทศและตลาดในประเทศ ซึ่งพบในช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน ของทุกจะปีจะเป็นช่วงฤดูฝนหรือกรีนซีซั่น เพื่อให้เมืองไทยเที่ยวได้ตลอด 365 วัน จะต้องไม่มีโลว์ซีซั่น
ดังนั้น จะจัดทำแผนส่งเสริมการตลาดศักยภาพอย่างมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวติด 1 ใน 3 ตลาดต่างประเทศที่เดินทางมาประเทศไทยมากที่สุดในปี 2567 โดยสถิติจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า นักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เดินทางมายังประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -25 เมษายน 2567 มีจำนวน 1,503,420 ราย เติบโต 21.61% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566 และมีการฟื้นตัวของเที่ยวบินระหว่างประเทศคิดเป็น 83.59% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 และนักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงเทศกาลอีฎิ้ลฟิตริ (Eid al-Fitr) หลังสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิม ซึ่งตรงกับวันที่ 10-12 เมษายน 2567 เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลดังกล่าวในปี 2566
ดังนั้น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้หารือเพื่อระดมความคิดในการจัดกิจกรรมบิ๊กอีเว้นต์ต่อยอดความสำเร็จจากการจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวมาเลเซีย โดยสอดแทรก 5 กลยุทธ์หลักตามนโยบาย IGNITE Tourism Thailand ชูจุดขาย 5 สิ่งที่ต้องทำในประเทศไทย (5 Must Do in Thailand) เพื่อส่งเสริมสินค้าและบริการของไทยให้เป็นที่จดจำของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น Must Eat อาหารไทย Must Seek วัฒนธรรมไทย หรือ Must See โชว์ไทย
โดยกิจกรรมที่มีการวางแผน ได้แก่ เทศกาลอาหารทะเล จังหวัดสงขลา บริเวณพื้นที่สมิหลา รวบรวมร้านอาหารทะเล ดนตรีชายหาด และกิจกรรมเวิร์คช็อปเพื่อสร้างประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว กิจกรรมถนนคนเดิน Carnival Walking Street จำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน พ่วงคอนเสิร์ตศิลปินที่เป็นขวัญใจของนักท่องเที่ยวมาเลเซียรวมถึงกิจกรรม Amazing Beach Life Festival ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมกีฬาทางน้ำ ศิลปะ ดนตรี การแสดงทางวัฒนธรรมร่วมสมัย เช่น การแสดงมโนราห์ Street Show และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น โดยวางแผนการจัดงานในวันที่ 26-28 กรกฏาคม 2567 ณ จังหวัดสงขลา รวมถึงอีก 3 พื้นที่ศักยภาพ ได้แก่ จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดระยอง
นอกจากนี้จะจัดคาราวานรถยนต์ โดยร่วมมือกับกลุ่ม eXpdc Club และ SICM Caravan เพื่อนำครอบครัวชาวมาเลเซียเดินทางท่องเที่ยวข้ามแดนมายังประเทศไทย ครั้งที่ 1 ในวันที่ 14-18 มิถุนายน 2567 จำนวน 120 คนลงพื้นที่หาดใหญ่-เกาะสมุย และครั้งที่ 2 ในวันที่ 26-30 มิถุนายน 2567 จำนวน 160 คน พื้นที่หาดใหญ่-จังหวัดกระบี่ พร้อมทั้งขยายผลด้านการสื่อสารผ่านการจัดทำชิ้นงานโฆษณาส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวช่วงฤดูฝนในพื้นที่จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดพัทลุงและจังหวัดนครศรีธรรมราช สอดแทรก Soft Power ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวครอบครัว กลุ่มนักท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางข้ามแดนมาเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์และกลุ่มขับรถเที่ยว
นอกจากนี้ ยังมีแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย Joint Promotion ร่วมกับพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ การเข้าร่วมงาน Travel Fair ในตลาดระยะใกล้และระยะไกล เพื่อกระตุ้นความต้องการเดินทางช่วงกรีนซีซั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ตลาดนักท่องเที่ยวศักยภาพของไทยในปี 2567 พบว่า ตลาดระยะใกล้ ที่เดินทางเข้าไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลี ลาว และและตลาดที่มีศักยภาพฟื้นตัวสูงที่สุด ได้แก่ อินโดนีเซีย ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ส่วนตลาดระยะไกล 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้าไทย ได้แก่ รัสเซีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และตลาดที่มีศักยภาพฟื้นตัวสูงที่สุด ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนเธอร์แลนด์ สเปน คูเวต และคาซัคสถาน
ส่วนจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ตลอดปี 2567 คาดว่าจะได้ 192 ล้าน คน-ครั้ง สูงกว่าปี 2566 ที่มีจำนวน 184 ล้านคน-ครั้ง และสูงกว่าปี 2562 ที่มีจำนวน 172 ล้านคน-ครั้ง ซึ่งในช่วงของโลว์ซีซั่น ระหว่างเดือน พ.ค.-ก.ย.นี้ ททท. เตรียมกระหน่ำแคมเปญ “สุขทันที ที่เที่ยวหน้าฝน” เพื่อให้เกิดการเดินทางทั่วทุกภาคของประเทศไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กำชับดูแลโบราณสถานลุ่มเจ้าพระยา หวั่นน้ำท่วม
28 ส.ค.2567 -น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่รับน้ำภาคเหนือที่ จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาจากหน่วยงานในสังกัด โดยกำชับดูแลพื้นที่โบราณสถานกับศาสนสถาน และพื้นที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม
วธ.ตั้งศูนย์ประสานงานโบราณสถานน้ำท่วม
24 ส.ค. 2567 - นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ติดตามผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยของโบราณสถานในพื้นที่ภาคเหนืออย่างใกล้ชิด ในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้รา
'วันอาสาฬหบูชา' เปิดพื้นที่อนุรักษ์วิถีแห่งศรัทธา
วันอาสาฬหบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ปีนี้ ตรงกับวันที่ 20 กรกฎาคม 2567 ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสน อาสาฬหบูชา ย่อมาจากคำว่า "อาสาฬหปูรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ" อันเป็นเดือนที่ 4 ตามปฏิทินของประเทศอินเดีย ตรงกับวันเพ็ญ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย มักตรงกับเดือน ก.ค. หรือ