ปัจจัยลบฉุดยอดผลิต-ขายรถยนต์ร่วง

ส.อ.ท. โอดหนี้ครัวเรือนทุบยอดผลิต-ยอดขายรถยนต์ในประเทศร่วง ฉุดภาพรวม 3 เดือนผลิตได้ 4.14 แสนคัน ลดลง 18.45%

25 เม.ย. 2567 – นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่ายอดผลิตรถยนต์เดือนมี.ค.2567 ผลิตได้ 138,331 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 23.08% เนื่องจากการผลิตขายในประเทศผลิตได้ 46,523 คัน ลดลง 41.01% จากการผลิตรถกระบะและรถยนต์นั่งที่ลดลงตามยอดขายในประเทศที่ขายได้ 56,099 คัน ลดลง 29.83%

ทั้งนี้ เนื่องจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินจากหนี้ครัวเรือนที่สูงมากและเศรษฐกิจที่อ่อนแอ เพราะความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้าไปหลายเดือน ทำให้การใช้จ่าย การลงทุน และการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชะลอตัวไปด้วย

“ภาพรวมยอดผลิตรถยนต์ 3 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.2567) มีจำนวนทั้งสิ้น 414,123 คัน ลดลง 18.45% ตามยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลงเช่นกัน 3 เดือนอยู่ที่ 163,756 คัน ลดลง 24.56% เป็นผลจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน รวมถึงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังไม่มาก เพราะโรงงานผลิตรถยนต์บางบริษัทยังไม่พร้อม ซึ่งคาดว่าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้นในไตรมาส 3/2567”นายสุรพงษ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลังของปีนี้ประเมินภาพรวมยอดขายรถยนต์จะดีขึ้นจากการใช้จ่าย การลงทุนและการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลร่วมกับการลงทุนของเอกชนและการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นมากกว่า 33 ล้านคน ส่วนการผลิตเพื่อส่งออกเดือนมี.ค.2567 ผลิตได้ 91,808 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.09% ภาพรวม 3 เดือนไทยสามารถผลิตเพื่อส่งออกได้ 273,680 คัน ลดลง 5.02% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนมี.ค.2567 ส่งออกได้ 95,089 คัน ลดลง 3.35% แยกเป็นรถยนต์สันดาปภายใน 90,201 คัน ลดลง 7.76% ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) 4,888 คัน เพิ่มขึ้นถึง 728.47%

นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การส่งออกรถยนต์ยังคงแข็งแกร่งตามยอดขายของประเทศคู่ค้าที่ยังเติบโต เช่น ประเทศออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก สหราชอาณาจักร เป็นต้น แต่ยังต้องติดตามเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ มูลค่าการส่งออก 67,926.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% โดยภาพรวม 3 เดือน ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 270,525 คัน ลดลง 1.16%

ส.อ.ท. โอดหนี้ครัวเรือนทุบยอดผลิต-ยอดขายรถยนต์ในประเทศร่วง ฉุดภาพรวม 3 เดือนผลิตได้ 4.14 แสนคัน ลดลง 18.45%

25 เม.ย. 2567 – นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่ายอดผลิตรถยนต์เดือนมี.ค.2567 ผลิตได้ 138,331 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 23.08% เนื่องจากการผลิตขายในประเทศผลิตได้ 46,523 คัน ลดลง 41.01% จากการผลิตรถกระบะและรถยนต์นั่งที่ลดลงตามยอดขายในประเทศที่ขายได้ 56,099 คัน ลดลง 29.83%

ทั้งนี้ เนื่องจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินจากหนี้ครัวเรือนที่สูงมากและเศรษฐกิจที่อ่อนแอ เพราะความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้าไปหลายเดือน ทำให้การใช้จ่าย การลงทุน และการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชะลอตัวไปด้วย

“ภาพรวมยอดผลิตรถยนต์ 3 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.2567) มีจำนวนทั้งสิ้น 414,123 คัน ลดลง 18.45% ตามยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลงเช่นกัน 3 เดือนอยู่ที่ 163,756 คัน ลดลง 24.56% เป็นผลจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน รวมถึงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังไม่มาก เพราะโรงงานผลิตรถยนต์บางบริษัทยังไม่พร้อม ซึ่งคาดว่าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้นในไตรมาส 3/2567”นายสุรพงษ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลังของปีนี้ประเมินภาพรวมยอดขายรถยนต์จะดีขึ้นจากการใช้จ่าย การลงทุนและการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลร่วมกับการลงทุนของเอกชนและการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นมากกว่า 33 ล้านคน ส่วนการผลิตเพื่อส่งออกเดือนมี.ค.2567 ผลิตได้ 91,808 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.09% ภาพรวม 3 เดือนไทยสามารถผลิตเพื่อส่งออกได้ 273,680 คัน ลดลง 5.02% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนมี.ค.2567 ส่งออกได้ 95,089 คัน ลดลง 3.35% แยกเป็นรถยนต์สันดาปภายใน 90,201 คัน ลดลง 7.76% ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) 4,888 คัน เพิ่มขึ้นถึง 728.47%

นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การส่งออกรถยนต์ยังคงแข็งแกร่งตามยอดขายของประเทศคู่ค้าที่ยังเติบโต เช่น ประเทศออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก สหราชอาณาจักร เป็นต้น แต่ยังต้องติดตามเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ มูลค่าการส่งออก 67,926.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% โดยภาพรวม 3 เดือน ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 270,525 คัน ลดลง 1.16%