'ชัย' ฟุ้งแค่ไตรมาสแรกต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้าน!

โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ชื่นชมผลจากความสำเร็จรัฐบาล ไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่งเสริมโอกาสการประกอบอาชีพ เพิ่มรายได้ให้คนไทย

25 เม.ย.2567 - นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชื่นชมศักยภาพของไทยที่ทำให้ต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในไทยซึ่งจากข้อมูล กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นการลงทุนเฉพาะที่เกี่ยวกับภาคบริการ และต้องขออนุญาตกับกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น พบว่าในไตรมาสแรกของปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้กับประชาชนชาวไทย โดยรัฐบาลพร้อมผลักดันให้เกิดการลงทุน และสนับสนุนการถ่ายทอดองค์ความรู้เฉพาะด้านในภาคอุตสาหกรรม ให้แก่ประเทศไทย แรงงานไทย เพื่อเป็นส่วนพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันของไทยในเวทีโลก

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลการลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยของชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ในไตรมาสแรกของปี 2567 (มกราคม – มีนาคม) พบว่า มีจำนวน 178 ราย เป็นการลงทุนในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) จำนวน 53 ราย โดยการลงทุนของต่างชาติมีมูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 35,902 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกิดการจ้างแรงงานชาวไทยเป็นจำนวนกว่า 849 คน

โดยจากข้อมูล 5 อันดับแรกที่เข้ามาลงทุนในไทย ได้แก่ 1.ญี่ปุ่น จำนวน 40 ราย คิดเป็นร้อยละ 22 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย มีมูลค่าเงินลงทุน 19,006 ล้านบาท ในธุรกิจ เช่น ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 2.สิงคโปร์ จำนวน 32 ราย คิดเป็นร้อยละ 18 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย มีมูลค่าเงินลงทุน 3,294 ล้านบาท ในธุรกิจ เช่น ธุรกิจบริการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ ธุรกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) โดยการให้ใช้ระบบฝากซื้อขายสินค้าและบริการ 3.สหรัฐอเมริกา จำนวน 29 ราย คิดเป็นร้อยละ 16 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย มีมูลค่าเงินลงทุน 1,048 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม ธุรกิจนายหน้าและตัวแทนในการจัดซื้อ จัดหา และจัดจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องมือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ และเครื่องประดับ 4.จีน จำนวน 20 ราย คิดเป็นร้อยละ 11 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย มีมูลค่าเงินลงทุน 2,886 ล้านบาท ในธุรกิจ เช่น ธุรกิจบริการตัดโลหะ ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ 5.ฮ่องกง จำนวน 11 ราย คิดเป็น คิดเป็นร้อยละ 6 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย มีมูลค่าเงินลงทุน 1,017 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (เครื่องฉีดขึ้นรูป) ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า ประเภทอะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์และชิ้นส่วนประกอบที่ทำจากอลูมิเนียม

“นายกฯ เชื่อมั่นว่าการลงทุนภาคบริการจากต่างชาติในไตรมาสแรกของปี 2567 ถือเป็นการสะท้อนภาพรวมความสำเร็จที่เกิดจากการทำงานของรัฐบาลตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก การเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกิจ(ease of doing business) การอำนวยสิทธิประโยชน์สำหรับนักลงทุน ซึ่งรวมถึงบรรยากาศทางเศรษฐกิจของไทยในภาพรวม ซึ่งพบว่า นักลงทุนต่างชาติมั่นใจกับศักยภาพของประเทศไทย และมีแนวโน้มที่จะขยายการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นอีก” นายชัย กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' ชวนคนไทยเชียร์ตัวแทนทีมชาติไทยในโอลิมปิกปารีส 2024

นายกฯ ส่งกำลังใจเชียร์ทัพนักกีฬาตัวแทนประเทศไทยร่วมแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 ครั้งที่ 33 วันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2567 นี้ เชิญชวนคนไทยร่วมเชียร์และรับชมถ่ายทอดสด

รัฐบาลฝันประชุม JTC ครั้งที่ 3 ดันมูลค่าการค้ากระฉูด

นายกฯ ผลักดันต่อยอดความร่วมมือไทย-มาเลเซียทุกมิติต่อเนื่อง เชื่อมั่นการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 3 จะส่งเสริมตัวเลขการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นในทุกมิติ

“สุชาติ” ชี้ช่องทางตลาดในและต่างประเทศแก่ผู้ประกอบการถุง พลาสติกสาน สยามแฟล็กซ์แพ็ค จำกัด โอกาสโตยังเปิดกว้าง!

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา หารือกับผู้บริหาร บริษัท สยามเฟล็กซ์แพ็ค จำกัด ผู้ประกอบการผู้ผลิตสินค้าถุงกระสอบพลาสติก สร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA

‘สุชาติ’ แนะเกษตรกร/ผู้ประกอบการโคนม นำนวัตกรรม และดูแลสิ่งแวดล้อม เพิ่มมูลค่า พร้อมศึกษาประโยชน์จาก FTA ขยายตลาดส่งออก

รมช.พณ. สุชาติฯ ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการนมโคแปรรูป ในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เกษตรและผู้ประกอบการเร่งใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายตลาดส่งออก และเตรียมความพร้อมกลุ่มเป้าหมายเข้าสู่การเปิดเสรีสินค้านมและผลิตภัณฑ์ ภายใต้ FTA ไทย-ออสเตรเลีย และ FTA ไทย-นิวซีแลนด์ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568