'คลัง' เผย Moody’s คงเครดิตไทย เคาะจีดีพีปีนี้โต3% ชี้ส่งออก-ท่องเที่ยวหนุน

คลัง เผย Moody’s คงเครดิตประเทศไทยที่ Baa1 ชมเปาะเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ประเมินจีดีพีปี 67-68 โตไม่พลาด 3% อานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยวฟื้นตัวเนื่อง เคาะตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยกระหึ่ม 35 ล้านคน

12 เม.ย. 67 – นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ โฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า บริษัท Moody’s Investors Service (Moody’s) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ Baa1 หรือเทียบเท่า BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)

โดยระบุว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่และมีความหลากหลาย อีกทั้งมีนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิผล และคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตจาก 1.9% ในปี 2566 เป็นประมาณ 3% ในปี 2567 – 2568 จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว โดยปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 28 ล้านคน ในปี 2566 เป็น 35 ล้านคน ในปี 2567 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านคน ในปี 2568 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับก่อนเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Pre-pandemic)

ทั้งนี้ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

นอกจากนี้ การลงทุนของภาครัฐจะเพิ่มขึ้นภายหลังจากที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีมีผลบังคับใช้ อีกทั้งภาครัฐได้สนับสนุนการลงทุนของภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) และเพิ่มการมีส่วนร่วมในข้อตกลงการค้าเสรี

สำหรับภาคการคลังสาธารณะ (Public Finance) ยังมีความเข้มแข็งแม้รัฐบาลจะดำเนินนโยบายขาดดุลทางการคลังอย่างต่อเนื่อง แต่ Moody’s คาดว่า ในระยะปานกลางรัฐบาลจะสามารถบริหารจัดการภาระหนี้สาธารณะให้อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ และจะกลับเข้าสู่การดำเนินนโยบายทางการคลังอย่างระมัดระวังได้ (Conservative Fiscal Policymaking) ขณะเดียวกันรัฐบาลยังมีความสามารถในการชำระหนี้ที่แข็งแกร่ง (Strong Debt Affordability) เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับเดียวกัน (Peers) โดยสามารถใช้เครื่องมือการระดมทุนในประเทศที่หลายหลายด้วยต้นทุนต่ำ อีกทั้งหนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นหนี้สกุลเงินบาทและมีอายุเฉลี่ย (Average Time to Maturity) ยาว

อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญที่ Moody’s จะติดตามเพื่อวิเคราะห์อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของประเทศไทย ได้แก่ ศักยภาพการผลิต (Productivity) การปฏิรูปด้านต่าง ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และการบริหารจัดการภาระหนี้สาธารณะในระยะปานกลาง ตลอดจนการมุ่งเข้าสู่สมดุลทางการคลัง (Fiscal Consolidation)

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลชื่นชม 'ลิซ่า' สำนึกรักบ้านเกิด โปรโมต 'เยาวราช' หนุนท่องเที่ยวไทย

รัฐบาลชื่นชม 'ลิซ่า' แบบอย่างที่ดีของเยาวชนไทย ใช้เยาวราชในผลงานล่าสุด แสดงออกสำนึกรักบ้านเกิด ชูศักยภาพ ส่งเสริม Soft Power ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมไทย