‘คลัง’ ย้ำไม่มีเลื่อนแล้ว! Digital Wallet ปักธงแจกแน่ไตรมาส 4/2567 แจงรอชัดเจนสรุปแหล่งเงิน 10 เม.ย. ยันถึงไม่กู้ก็มีแหล่งเงินใช้แน่นอน พร้อมกางเงื่อนไขอุ้มร้านค้ารายเล็ก
29 มี.ค. 2567 – นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีความชัดเจนถึงแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการDigital Walletแล้ว โดยจะต้องนำเสนอให้ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ชุดใหญ่ ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง ในวันที่ 10 เม.ย.2567 เป็นผู้ตัดสินใจในรายละเอียด และมั่นใจว่าสุดท้ายการประชุมดังกล่าวจะมีคำตอบที่เป็นที่น่าพอใจของทุกฝ่าย
“ข้อเสนอต่าง ๆ มีการเตรียมไว้ครบถ้วน แต่สุดท้ายคณะกรรมการชุดใหญ่จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะใช้แนวทางใด โดยกระทรวงการคลังไม่ได้ติดขัด และยินดีหากมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดแหล่งเงินจากเดิมที่วางแนวทางไว้ ตอนนี้ต้องให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อฟื้นฟูให้กลับไปขยายตัวได้เต็มศักยภาพ” นายจุลพันธ์ กล่าว
รมช.การคลัง กล่าวอีกว่า คลังยังบอกไม่ได้ว่าจะยังคงเป็นการออกพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาททั้งหมดหรือ ร่วมกับการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 หรือ จะไม่ใช้พ.ร.บ.เงินกู้ ทุกอย่างจะมีความชัดเจนในวันที่ 10 เม.ย.นี้ และไม่ว่าจะเลือกทางใด ก็จะมีแหล่งเงินสำหรับใช้ในโครงการ Digital Wallet และจะไม่มีการเลื่อนออกไปอีก จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะเริ่มโครงการได้ในช่วงไตรมาส 4/2567 และเปิดลงทะเบียนร้านค้าได้ภายในไตรมาส 3/2567
อย่างไรก็ดี นอกจากเรื่องของแหล่งเงินแล้ว ในการประชุมวันที่ 10 เม.ย. จะให้ความสำคัญกับร้านค้าที่ร่วมโครงการ โดยเฉพาะร้านค้าขนาดเล็ก รายย่อย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายคณะทำงานให้ไปศึกษากลไก ให้การใช้จ่าย Digital Wallet ประโยชน์ตกอยู่กับร้านค้ารายย่อยก่อนเป็นอันดับแรก เม็ดเงินต้องส่งตรงถึงมือรายย่อยก่อน แม้ว่าจะไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ เพื่อป้องกันข้อท้วงติงว่าโครงการนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เพื่อให้มีเงินดิจิทัลหมุนเวียนอยู่ในระบบตามเป้าหมาย 3 ปี
นอกจากนี้ ยังต้องสร้างความเชื่อมโยง กับระบบ Wallet ของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงของประชาชน ไม่จำเป็นต้องมีการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังทางเดียวเท่านั้น ประชาชนต้องสามารถเข้าถึง Digital Walletจากธนาคารอื่น ๆ ที่เข้ามาเชื่อมระบบกับโครงการด้วย โดยมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และบอร์ดรัฐบาลดิจิทัล ไปจัดทำข้อเสนอมา