รัฐบาล ฟุ้ง 6 เดือนการลงทุนพุ่ง ลุยจัดงานมหกรรมดนตรี และเทศกาลนานาชาติ

รัฐบาล กระตุ้นส่งเสริมการลงทุนจัดงานมหกรรมดนตรี และเทศกาลนานาชาติ จุดประกายให้ไทยเป็นเป้าหมายการจัดงานระดับโลก หลังแถลงย้ำผลสำเร็จการลงทุน 6 เดือน ขอรับการส่งเสริมการลงทุนแล้วกว่า 8.5 แสนล้านบาท สูงสุดในรอบ 9 ปี

29 มี.ค.2567 - นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากความสำเร็จด้านการลงทุน ซึ่งรัฐบาลได้แถลงผลความสำเร็จจากการดำเนินการอย่างมียุทธศาสตร์ดังกล่าว ทำให้ 6 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาล เอกชนยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนปี 2566 กว่า 8.5 แสนล้านบาท สูงสุดในรอบ 9 ปี รัฐบาลยังดำเนินการเพื่อดึงดูดการลงทุน การจัดกิจกรรมระดับโลก โดยที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ด BOI) เห็นชอบให้เปิดการส่งเสริมการลงทุนใน “กิจการจัดงานมหกรรมดนตรี กีฬา และเทศกาลนานาชาติ” เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางในการจัดงานระดับโลก (World Class Events) และเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยวของภูมิภาค (Tourism Hub)

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายหลังจากที่ หม่อมหลวง ชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและประธานผู้แทนการค้าไทย และ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้แถลงถึงผลการดำเนินงานของรัฐบาลด้านการลงทุนและความร่วมมือกับภาคเอกชนต่างชาติเมื่อวันอังคารที่ 26 มีนาคม 2567 โดยได้ชี้แจงว่า ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา การเดินทางของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แม้ว่าจะเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการ หรือการเดินทางเพื่อร่วมประชุมระหว่างประเทศ นายกรัฐมนตรีได้พบปะหารือกับบริษัทชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 60 แห่ง นายกรัฐมนตรีใช้ทุกโอกาสในการเจรจาด้านความร่วมมือทวิภาคีกับผู้นำประเทศต่างๆ ร่วมเวทีสำคัญระดับโลก นำเสนอวิสัยทัศน์ ตลอดจนจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจและจับคู่ผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศ และพบภาคธุรกิจต่างชาติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ชักชวนการลงทุน และกระชับความร่วมมือกับประเทศไทย

โดยในส่วนของการส่งเสริมการลงทุนใน “กิจการจัดงานมหกรรมดนตรี กีฬา และเทศกาลนานาชาติ” รัฐบาลได้สนับสนุนให้ปลดล็อคข้อจำกัด ความท้าทายของการจัดงานมหกรรมดนตรี กีฬา และเทศกาลนานาชาติจะต้องเป็นงานมหกรรมขนาดใหญ่ที่มีเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการจัดงานไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาทต่องาน เช่น รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดงาน อำนวยความสะดวกด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงานสำหรับศิลปินและบุคลากรต่างชาติที่เข้ามาจัดงาน ผ่านศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน (One Stop Service) ที่เกิดจากการบูรณาการการทำงานร่วมกันของ BOI สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกระทรวงแรงงาน เชื่อมั่นว่าจะ ดึงดูดการจัดกิจกรรมระดับโลก ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจัดมหกรรมเทศกาลนานาชาติ สร้างตัวเลขทางเศรษฐกิจได้มหาศาล

“นายกรัฐมนตรีดำเนินการทำงานอย่างมีแผน พัฒนาเศรษฐกิจโครงสร้างภายในที่พร้อมเติบโตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เจรจาดึงดูดการลงทุน ต่อเนื่องปูทางมายังการอำนวยความสะดวก ยกระดับมาตรการภายในส่งเสริม อำนวยความสะดวกให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการจัดงานระดับโลก (World Class Events) และเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยวของภูมิภาค (Tourism Hub) และมุ่งมั่นจะดำเนินการต่อไป ตามที่ท่านนายกฯ ได้ประกาศวิสัยทัศน์พัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรม 8 ด้าน เพื่อยกระดับให้ไทยก้าวเป็นที่ 1 ของภูมิภาค” นายชัย กล่าว

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลต่อยอดยุค'ลุงตู่'สั่งเดินหน้ากระชับสัมพันธ์ซาอุฯ

นายกฯ ติดตามการทำงาน และสั่งการเดินหน้ากระชับสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ หลังการจัดงานประชุมภาคธุรกิจ Thai-Saudi Investment Forum จับคู่เจรจาธุรกิจกว่า 100 คู่ พร้อมเปิดสำนักงาน BOI ณ กรุงริยาด

นายกฯ เดินหน้ายกระดับไทย สู่การเป็นศูนย์กลางฮาลาลอาเซียน ปี 2570

นายกรัฐมนตรี ผลักดันศักยภาพสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านอาหาร และเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงทางอาหารของโลก ผ่านมาตรการ กลไกการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรและอาหาร

นายกฯ เชื่อมั่น 69 นักกีฬาพาราลิมปิกไทยจะทำผลงานเยี่ยมที่ปารีส 2024

นายกฯ ชื่นชมความสามารถทัพนักกีฬาพาราลิมปิกไทย คว้าโควตาเข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ประเทศฝรั่งเศส ได้ 69 คน จาก 13 ชนิดกีฬา เชื่อมั่นทำผลงานดีเยี่ยม

รัฐบาลตีปี๊บจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวพร้อมวาดฝันปี 2568

รัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วง Green Season จัดกิจกรรม Amazing Beach Life Festival ใน 4 พื้นที่ ระยอง - พังงา - ภูเก็ต – สงขลา พร้อมตั้งเป้าปี 2568 เป็น Thailand Grand Tourism Year

'เศรษฐา' ฝันต่อยอดงาน 'THACCA SPLASH' เพิ่มมูลค่าไม่น้อยกว่า 4 ล้านล้าน!

นายกฯ พร้อมต่อยอดความสำเร็จจากงาน 'THACCA SPLASH - Soft Power Forum 2024' ปฐมบทการส่งเสริม 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทย ตั้งเป้าหมายสร้างมูลค่าไม่น้อยกว่า 4 ล้านล้านบาท