รัฐบาลเผยความคืบหน้าในการช่วยเหลือลูกจ้าง บ.อิตาเลียนไทยที่ถูกค้างจ่ายค่าจ้าง ลูกจ้างได้เงินแล้ว 6,626 คน คาดจ่ายค่าจ้างครบ 100 % ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้
25 มี.ค. 2567-นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือลูกจ้าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ว่า กระทรวงแรงงาน ได้เชิญผู้แทนบริษัทฯ มาให้ข้อเท็จจริงและหารือร่วมกันถึงปัญหาการค้างจ่ายค่าจ้าง ซึ่งจากการหารือพูดคุยกับผู้แทนบริษัทให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทฯ มีลูกจ้างทั้งหมด 20,188 คน และมีโครงการก่อสร้างกระจายอยู่หลายจังหวัดทั่วประเทศไทย รวม 115 โครงการ
นายคารม กล่าวว่า บริษัทฯ ยอมรับว่าเกิดจากการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ปัญหาโดยการขอสินเชื่อหรือขอกู้เงินจากสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อนำเงินมาหมุนเวียนภายในบริษัทฯ โดยในปัจจุบันมีสถาบันทางการเงินเข้ามาสนับสนุนโครงการของบริษัทฯ แล้ว จำนวน 79 โครงการ ทำให้สามารถจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างได้ตามปกติ สำหรับ 36 โครงการที่เหลือรวมถึงสำนักงานแห่งใหญ่ของบริษัทฯ อยู่ระหว่างติดต่อประสานกับสถาบันการเงินเข้ามาสนับสนุน ซึ่งผู้แทนบริษัทคาดว่าจะสามารถจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างได้ตามปกติประมาณเดือนเมษายน 2567
ทั้งนี้ จากการที่ได้สั่งการให้พนักงานตรวจแรงงานทั่วประเทศลงพื้นที่ตรวจสอบไซต์ก่อสร้างในเครือบริษัทอิตาเลียนไทย พบว่า ในหลายโครงการหลายจังหวัดเริ่มทยอยจ่ายค่าจ้างค้างจ่าย โดยลูกจ้างได้รับค่าจ้างตามปกติแล้ว เป็นลูกจ้างที่มีทั้งสัญชาติไทยและแรงงานข้ามชาติ จำนวน 6,626 คน ได้แก่ ลูกจ้างในจังหวัดระยอง ปทุมธานี เชียงใหม่ นครราชสีมา และเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 และพื้นที่ 3 เป็นเงินกว่า 30 ล้านบาท
“รัฐบาล โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือลูกจ้างบริษัทอิตาเลียนไทย รวมไปถึงลูกจ้างรับเหมาช่วงอย่างเต็มที่ตามอำนาจหน้าที่ โดยในหลายพื้นที่ได้มีการรับคำร้อง คร.7 และออกคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างแก่ลูกจ้าง ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2566 ได้ดำเนินการช่วยเหลือลูกจ้างในสถานประกอบกิจการทั่วประเทศให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 จำนวน 19,832 คน ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ เป็นเงินรวม 1,912,298,148.01 บาท โดยจำแนกตามประเภทคำร้อง 5 ลำดับแรก คือ 1. ค่าจ้าง 2. ค่าชดเชยการเลิกจ้าง 3. ค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 4. ค่าล่วงเวลา และ 5. ค่าทำงานในวันหยุด และพบว่า แรงงานสัญชาติไทยมีการยื่นคำร้อง (คร.7) มากที่สุด รองลงมาคือ แรงงานสัญชาติเมียนมา กัมพูชา และลาว ตามลำดับ“ นายคารม กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าหลงเชื่อ! มิจฉาชีพใช้โซเชียลหลอกไปทำงานฟาร์มออสเตรเลีย
รัฐบาลเตือนภัยอย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพใช้โซเชียลหลอกทำงานฟาร์มออสเตรเลีย ย้ำรัฐบาลออสเตรเลีย ยังไม่มีความร่วมมือกับไทยด้านการส่งแรงงานและยังไม่มีนโยบายการออกวีซ่าเกษตรให้กับคนไทย
ข่าวดี! สปสช.เห็นชอบเพิ่มสัดส่วนล้างไตผ่านช่องท้องรายใหม่ 50%
'คารม' เผย บอร์ด สปสช. เห็นชอบข้อเสนอพัฒนาระบบมาตรฐานและคุณภาพของนโยบายล้างไต เพิ่มสัดส่วนผู้ป่วยล้างไตผ่านช่องท้องรายใหม่ 50% ดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังมีความยั่งยืน
'คารม' บอกรัฐบาลเฝ้าระวังโรคไอกรนใกล้ชิดผู้ปกครองไม่ต้องห่วง
'คารม' เผยรัฐบาลร่วมบูรณาการเฝ้าระวังโรคไอกรนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในโรงเรียน เน้นย้ำเฝ้าระวัง ติดตามอย่างเข้มงวด ป้องกันการแพร่ระบาด ขอผู้ปกครองอย่าเป็นกังวล
'คารม' ชวนแอ่วเหนือลอยกระทงบอก บขส.ลดค่าโดยสาร 10%
'คารม' เชิญชวน ปชช. นั่งรถทัวร์เที่ยวงาน 'ลอยกระทง ลงแอ่วเหนือ' ลดค่าโดยสาร 10% หนุนนโยบายรัฐบาลโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง กระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวในประเทศ
รัฐบาลเอาจริง!ลุยปราบบัญชีม้าและนอมินี
รัฐบาลเดินหน้าผนึกกำลังป้องกันและปราบปรามบัญชีม้านิติบุคคลและนอมินี ลงนาม MOU ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สกัดมิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางหลอกลวงคนไทย
รัฐบาลชวนเที่ยวงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ 16-25 ส.ค.นี้
รัฐบาลเชิญชวนเที่ยวงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2567 ภายใต้แนวคิด 'Future Science Community for All' ระหว่างวันที่ 16 - 25 ส.ค. ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี