สนพ.เคาะปี 67 ใช้พลังงานโต 3.1% คาดราคาน้ำมันดิบอยู่ในกรอบ 80-90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จับตาปัจจัยเสี่ยงเอลนีโญ-ภัยแล้งกระทบ ยอมรับไทยร้อนระอุ ไฟจ่อพีกอีกรอบ ทั้งปีแตะ 3.5 หมื่นเมกฯ พร้อมเปลี่ยนเป็นเวลากลางคืนเหตุกลางวันใช้ไฟจากโซลาร์สูงขึ้น
18 มี.ค. 2567 – นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยว่า สนพ.คาดการณ์แนวโน้มการใช้พลังงานขั้นต้นปี 2567 ขยายตัว 3.1% อยู่ที่ 2,063 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เทียบกับปีก่อนโต 0.8% อยู่ที่ 2,007 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ตามการฟื้นตัวของการค้าโลก ทำให้ภาคการส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัว การอุปโภคบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว รวมถึงการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่องจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภาครัฐ
โดยแบ่งเป็นการใช้ก๊าซธรรมชาติขยายตัว 2.5% อยู่ที่ 859 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน การใช้น้ำมันขยายตัว 3.1% อยู่ที่ 837 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน การใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์โต 2.4% อยู่ที่ 296 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และการใช้ไฟฟ้าพลังน้ำ/ไฟฟ้านำเข้าโต 5.4% อยู่ที่ 71 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งปี 2567 ประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกอยู่ในช่วง 80-90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ภายใต้สมมติฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยโต 2.2-3.2% เศรษฐกิจโลกโต 2.8% และค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 34.3-35.3 บาท/เหรียญสหรัฐ เทียบกับปีก่อนราคาน้ำมันตลาดโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 82 เหรียญหสรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ต้องติดตามปัจจัยลยจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่อาจส่งผลให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติและมีปริมาณฝนต่ำกว่าปกติ ทำให้เกิดปญหาภัยแล้งส่งผลต่อผลผลิตภาคเกษตร และความเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตโลกและความผันผวนของราคาพลังงาน
นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด(พีก) ของปีนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ โดยเกิดเมื่อวันที่ 7 มี.ค. เมื่อเวลา 19.47 น. ที่ 32,704 เมกะวัตต์ ซึ่งสูงกว่าปีก่อนไปกว่า 10% แล้วและคาดว่าจะเกิดการพีกอีก โดยปีนี้อัตราไฟพีกจะขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 35,000 เมกะวัตต์ หรือสูงกว่าปีก่อนประมาณ 15-16% และอาจจะเป็นช่วงกลางคืน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากปัจจุบันในช่วงเวลากลางวันมีการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์)มากขึ้นกว่าปีก่อน ๆ แต่ในช่วงกลางคืนที่ผลิตไฟไม่ได้ก็ต้องกลับมาใช้ไฟฟ้าในระบบจึงทำให้ไฟพีก อีกสาเหตุหนึ่งมาจากพฤติกรรมของกลุ่มผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ที่จะมีการชาร์จไฟเข้ารถในช่วงเวลากลางคืนมากกว่ากลางวัน แม้จะยังเป็นสัดส่วนน้อยที่ทำให้ไฟพีก แต่เชื่อว่าในอนาคตจะเป็นตัวแปรสำคัญในการคำนวนการสำรองไฟฟ้า
“เรายังโชคดีที่มีสำรองสูง จึงสามารถรองรับการใช้ไฟฟ้าได้ทุกช่วง ซึ่งเมื่อดูจากสถิติปีก่อนช่วงไฟพีก ประเทศมีไฟฟ้าสำรองอยู่ที่ 30% แต่ในปีนี้ต้องติดตามการจัดหาไฟฟ้าในแหล่งใหม่ ๆ ของปีนี้หากไม่มีเพิ่มขึ้น และความต้องการใช้ไฟสูงขึ้น ก็อาจจะทำให้ปริมาณสำรองลดลงจากปีก่อน ส่วนอีวีเป็นอีกปัจจัย แม้ปัจจุบันยังไม่เยอะมากแต่ในอนาคตเชื่อว่าจะเป็นจุดเปลี่ยน เพราะมีการใช้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ยังไม่น่ากังวลมากนักเนื่องจากการชาร์จในช่วงกลางคืน จะเป็นแบบนอร์มอลชาร์จ จึงใช้ไฟไม่สูงมาก รวมถึงการพัฒนาหัวชาร์จใหม่ ๆ ก็ทำให้ใช้ไฟไม่แรงมาก”นายวีรพัฒน์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอวรงค์' อัด 'ภูมิธรรม' ยังสับสนเรื่องเกาะกูด
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานทราปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า นายภูมิธรรมยังสับสนเรื่องเกาะกูด
‘ภูมิธรรม’ ทุบฝ่ายต้านบิดเบือน MOU เกาะกูด ทำผลประโยชน์ชาติสั่นคลอน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "ผลประโยชน์ชาติสั่นคลอน เมื่อการเมืองบิดเบือน MOU เกาะกูด" ระบุว่าการจุดประเด็นทางการเมืองเรื่อง MOU 44 ในช่วงนี้ ได้สร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยในหลา
'วรงค์' เหนื่อยใจกับนายกฯอิ๊งค์ พูดวกวน เหมือนดีใจที่กัมพูชาลากเส้นไหล่ทวีปอ้อมเกาะกูด
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "เหนื่อยใจกับอุ๊งอิ๊ง"
'หมอวรงค์' ประกาศล่า 1 แสนชื่อคนคลั่งชาติ ยกเลิก 'MOU 44'
'ไทยภักดี' ประกาศล่า 1 แสนรายชื่อคนคลั่งชาติ ยกเลิก MOU 44 แนะรัฐคุยกัมพูชา ลงสัตยาบัน UNCLOS ก่อนเจรจาผลประโยชน์