'เจ้าท่า' เร่งเครื่อง 'วงแหวนแห่งอันดามัน' หนุนท่องเที่ยวทะเลใต้

‘กรมเจ้าท่า’ ทุ่มงบ 880 ล้านบาท ผุด ‘วงแหวนแห่งอันดามัน’ เชื่อมเส้นทางเดินเรือ 3 จังหวัด ‘กระบี่-พังงา-ภูเก็ต’ คาดแล้วเสร็จในปี69 รองรับเรือเฟอร์รี่กระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวทะเลใต้ ช่วยย่นระยะเวลาเดินทางและลดความแออัดสนามบินภูเก็ต

14 มี.ค. 2567 – นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า(จท.) เปิดเผยว่าตามนโยบายนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในการขับเคลื่อนภารกิจด้านคมนาคมขนส่งทางน้ำ กรมฯจึงเร่งได้ดำเนินการโครงการพัฒนาท่าเรือวงแหวนอันดามันพื้นที่ชายฝั่งทะเล บริเวณสามเหลี่ยมอันดามัน มีโครงข่ายเชื่อมต่อชายฝั่ง 3 จังหวัด ได้แก่ภูเก็ต พังงา กระบี่ เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศในด้านการท่องเที่ยว

 ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีท่าเรือที่สมบูรณ์เหมาะสมกับการรองรับเรือในปัจจุบัน ดังนั้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาท่าเรือเฟอร์รี่สำหรับการขนส่งรถยนต์แลผู้โดยสาร รวมทั้งสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยการเชื่อมโยงข้ามระหว่างอ่าวจากจังหวัดภูเก็ตไปยังจังหวัดกระบี่ ผ่านเกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา จำเป็นต้องพัฒนาทำเรือที่อ่าวปอ จังหวัดภูเก็ต ท่าเรือท่าเลน จังหวัดกระบี่ และท่าเรือมาเนาะห์ ท่าเรือช่องหลาด จังหวัดพังงา ซึ่งจะทำให้สนับสนุนการเดินทางทางน้ำที่จะลดเวลาการเดินทางและสนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำ

 สำหรับการเดินทางทางบกจากสนามบินกระบี่ไปสนามบินภูเก็ต ระยะทาง145 กม. ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที หากเดินทางทางน้ำตามเส้นทางเดินเรือในอนาคตท่าเทียบเรือมาเนาะห์ จ.พังงา – ท่าเทียบเรือช่องหลาด จ.พังงา – ท่าเทียบเรือเฟอร์รี่อ่าวปอ จ.ภูเก็ต – ท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ท่าเลน จ.กระบี่ ระยะทาง 97 กม. ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่าการเดินทางทางบก ประหยัดเวลาได้ถึง 1 ชั่วโมง 30 นาที สนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำและเมืองรอง ให้สามารถเข้าถึงและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

 นายกริชเพชร กล่าวว่า โครงข่ายเชื่อมท่าเรือวงแหวนดามัน โดยจะพัฒนาท่าเรือใน 3 จังหวัด 5 โครการ ประกอบด้วย งานก่อสร้างปรับปรุงท่าเรือมาเนาะห์ ต.เกาะยาวน้อย อ.เกาะยาว จ.พังงา สนับสนุนการท่องเที่ยวงบประมาณปี 2567 – 2569 จำนวน 175 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 900 วัน คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนธันวาคม 2569  โดยจะดำเนินการปรับปรุงท่าเทียบเรือสินค้าและโดยสาร, ท่าเทียบเรือเร็วและเรือหางยาว อาคารพักคอยและที่จอดรถ หากดำเนินการปรับปรุงท่าเรือแล้วเสร็จสามารถจอดเรือสินค้า 80 ตันกรอสได้ 1 ลำ จอดเรือเร็ว 20 ตันกรอสได้ 2 ลำ จอดเรือหางยาวได้ 10 ลำ รองรับนักท่องเที่ยวได้ 820 คนต่อวัน

 นายกริชเพชร กล่าวว่า ส่วนการก่อสร้างปรับปรุงท่าเรือช่องหลาด ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา สนับสนุนการท่องเที่ยว งบประมาณปี 2567 – 2569 จำนวน 185 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 900 วัน คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนธันวาคม 2569 โดยมีการปรับปรุงท่าเทียบเรือสินค้าและโดยสาร, ท่าเทียบเรือเร็วและเรือหางยาว, ปรับปรุงอาคารพักคอยและที่จอดรถ หากดำเนินการปรับปรุงท่าเรือแล้วเสร็จสามารถจอดเรือสินค้า 60 ตันกรอสได้ 1 ลำ,จอดเรือเร็ว 20 ตันกรอสได้ 2 ลำ, จอดเรือหางยาวได้ 10 ลำ รองรับนักท่องเที่ยวได้ 1,059 คนต่อวัน

 ส่วนงานก่อสร้างท่าเรือเฟอร์รี่บริเวณอ่าวปอ ต.ป้าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต สนับสนุนการท่องเที่ยวงบประมาณปี 2568 – 2570 จำนวน 280 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 900 วัน คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนธันวาคม 2570 โดยมีการปรับปรุงท่าเรือและสะพานปรับระดับรองรับเรือเฟอร์รี่, ท่เรือตรวจการณ์, อาคารรองรับผู้โดยสาร, ลานจอดรถยนต์ 60 คัน หากดำเนินการปรับปรุงท่าเรือแล้วเสร็จสามารถรับเรือเฟอร์รี่จุรถ 60คันจุคน 200 ที่นั่งได้ 1 ลำ, เรือขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส ยาว 65ม. ลึก 2 ม. รองรับผู้โดยสาร 573 คน/วันและรถยนต์ 1,275 คัน/วัน

 ขณะที่งานก่อสร้างท่าเรือเฟอร์รี่บริเวณท่าเลน ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ สนับสนุนการท่องเที่ยวงบประมาณปี 2568 – 2569 จำนวน 120 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 900 วัน คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนธันวาคม 2569 โดยมีการปรับปรุงท่าเรือและสะพานปรับระดับ รับเรือเฟอร์รี่, ท่าเรือเดิมรับเรือเร็ว และเรือโดยสาร, อาคารรองรับผู้โดยสาร, ลานจอดรถยนต์ 60 คัน หากดำเนินการปรับปรุงท่าเรือแล้วเสร็จสามารถรับเรือเฟอร์รี่บรรทุกรถ 60 คันบรรทุกคน 200 ที่นั่งได้ 1 ลำ, เรือขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส ยาว 65ม. ลึก 2 ม.รองรับผู้โดยสาร 573 คน/วัน และรถยนต์ 1,275 คัน/วัน, รองรับเรือโดยสาร 10 ลำ

 และงานจ้างก่อสร้างปรับปรุงท่าเรือเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ งบประมาณปี 2568 – 2569 จำนวน 95 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 540 วัน คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนกรกฎาคม 2569 โดยมีการปรับปรุงซ่อมแชมงานโครงสร้างพื้นท่าเรือเดิม, หลักผูกเรือและหลักกันกระแทก, โป๊ะเทียบเรือ, รื้อถอนแท่นไฮดรอลิคที่เสียหายเปลี่ยนเป็นโป๊ะเทียบเรือแทน, ปรับปรุงงานสถาปัตยกรรมที่ชำรุดเสียหาย และก่อสร้างหลังคาคลุมทางเดิน,ปรับปรุงงานระบบไฟฟ้า เป็นต้น