SPCG โอดหมดโควต้าแอดเดอร์ ฉุดกำไรปี66 มั่นใจธุรกิจโซลาร์รูฟยังทรงดี

SPCG โอดหมดโควต้าแอดเดอร์ ฉุดกำไรปี 66 ลด 20% มั่นใจธุรกิจโซลาร์รูฟยังทรงดี ปี 67 รายได้ไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท พร้อมลุยจ่ายปันผล 0.65 บาท

28 ก.พ. 2567 – นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 4,125.6 ล้านบาทลดลง 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 4,358.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 1,973.9 ล้านบาท ลดลง 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรอยู่ที่ 2,464.3 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น เท่ากับ 1.74 บาท ในส่วนของรายได้รวมที่ลดลงเป็นผลอันเนื่องมาจากค่าแอดเดอร์หรือรายได้เงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าที่หน่วยละ 8 บาท ได้สิ้นสุดลง ซึ่งถ้ารวมตั้งแต่ปี 2563 บริษัทมี 22 โซลาร์ฟาร์ม ที่ค่าแอดเดอร์หมดไปจากทั้งหมด 36 แห่ง

“ถึงแม้ว่าแอดเดอร์จะสิ้นสุดลงแต่ต้นทุนทางการเงิน หรือภาระหนี้ของบริษัทก็จะหมดลงไปด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงได้รับเงินจากการขายไฟตามปกติ และยังคงเดินหน้านโยบายปรับลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการต้นทุนด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ต้นทุน O&M (Operating & Maintenance) สำหรับธุรกิจโซลาร์ฟาร์มทั้งในปัจจุบันและอนาคตลดลงอย่างเป็นนัยสำคัญ เพื่อเป็นการเสริมสร้างสภาพคล่องและรักษากำไรของบริษัท ทั้งนี้คาดว่าในปี 2567 บริษัทฯ จะมีรายได้จากการขายและให้บริการไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท” นางวันดี กล่าว

อย่างไรก็ตาม ค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกระแสการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่มีความต้องการมากขึ้น ด้วยนโยบายที่ประกาศให้ประเทศไทยจะเข้าสู่การใช้พลังงานในรูปแบบ Carbon Neutral ในปี 2050 และเป็น Net Zero ในปี 2065 ส่งผลให้บริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด หรือ SPR (บริษัทในเครือ SPCG) ผู้นำด้านการออกแบบและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) มีรายได้จำนวน 1,058.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 512.7 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เดินหน้าขยายการติดตั้งอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการติดตั้งไปแล้วกว่า 200 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2566 และกำไรสะสม ในอัตราหุ้นละ 0.95 บาท ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2566 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายในงวดนี้ อัตราหุ้นละ 0.65 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 686,263,500 บาท (หกร้อยแปดสิบหกล้านสองแสนหกหมื่นสามพันห้าร้อยบาท) โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 12 มี.ค. 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พ.ค. 2567 ทั้งนี้ สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนจนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บีเจซี เผยผลประกอบการไตรมาส 3/67 ดันรายได้รวมเติบโตทะลุ 41,774 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานปกติเติบโตกว่า 14.2%

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี เปิดเผยรายได้รวมในไตรมาส 3/67 เท่ากับ 41,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 603 ล้านบาทจากปีก่อน กำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 2,825 ล้านบาท

‘ภูมิธรรม’ ทุบฝ่ายต้านบิดเบือน MOU เกาะกูด ทำผลประโยชน์ชาติสั่นคลอน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "ผลประโยชน์ชาติสั่นคลอน เมื่อการเมืองบิดเบือน MOU เกาะกูด" ระบุว่าการจุดประเด็นทางการเมืองเรื่อง MOU 44 ในช่วงนี้ ได้สร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยในหลา

'วรงค์' เหนื่อยใจกับนายกฯอิ๊งค์ พูดวกวน เหมือนดีใจที่กัมพูชาลากเส้นไหล่ทวีปอ้อมเกาะกูด

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "เหนื่อยใจกับอุ๊งอิ๊ง"