รฟท.ขีดเส้นหนึ่งเดือนสางปมไฮสปีดเชื่อมสามสนามบิน

‘การรถไฟฯ’ ตั้งเป้า 1 เดือนสางปัญหาไฮสปีดเชื่อมสามสนามบิน เร่งเจรจา ‘ซีพี’ ก่อสร้าง 9 พันล้านบาท พื้นที่ทับซ้อนช่วงบางซื่อ – ดอนเมือง แลกเงื่อนไขใหม่ปรับโครงสร้างทางการเงิน ย้ำเอกชนยังไม่ส่งสัญญาณล้มโครงการ

28 ก.พ. 2567 – นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) โดยระบุว่า หลังจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้ขยายเวลาการส่งเอกสารประกอบการออกบัตรส่งเสริม ครั้งที่ 3 สำหรับไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบิน ทางเอกชนจึงได้หารือร่วมกับ รฟท.และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อเตรียมเดินหน้าโครงการ

“การจะออกหนังสือเริ่มงานก่อสร้าง (NTP) ได้นั้น ทางเอกชนต้องไปออกบัตรส่งเสริมการลงทุน ซึ่งตอนนี้ทางเอกชนต้องการเจรจาให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการก่อสร้างพื้นที่ทับซ้อนไฮสปีดไทย – จีน ช่วงบางซื่อ – ดอนเมืองด้วย ซึ่งหากประเด็นนี้ได้ข้อสรุปก็จะเดินหน้าโครงการได้ โดยการรถไฟฯ คาดว่าจะเจรจาแล้วเสร็จภายใน 1 เดือนนี้”นายนิรุฒ กล่าว

สำหรับประเด็นการก่อสร้างพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าว รฟท.ยืนยันว่าหากให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างจะเป็นทางออกที่ดีกว่า เป็นประโยชน์ต่อภาครัฐ และประชาชน เพราะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ทันที ไม่ต้องผ่านขั้นตอนประมูล แต่หาก รฟท.เป็นผู้ลงทุนเองจากเดิมที่เคยประมาณการณ์ไว้นั้น ต้องใช้วงเงินก่อสร้างราว 9 พันล้านบาท และต้องใช้เวลานานในกระบวนการของบประมาณ รวมทั้งต้องเริ่มกระบวนการประกวดราคาด้วย

อย่างไรก็ตาม กลุ่มซีพีพร้อมที่จะดำเนินการก่อสร้างพื้นที่ทับซ้อน ช่วงบางซื่อ – ดอนเมือง โดยจะรับผิดชอบวงเงินลงทุนค่าก่อสร้างงานโยธาช่วงดังกล่าวราว 9 พันล้านบาท แต่มีเงื่อนไขประมาณ 3 – 4 ประเด็น เกี่ยวกับเรื่องการปรับโครงสร้างทางการเงิน รวมไปถึงสัญญาบริหารสิทธิแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องเจรจาในรายละเอียดอย่างรอบคอบ แต่ยืนยันว่าจากการเจรจายังไม่เห็นสัญญาณจากกลุ่มซีพีว่าจะล้มเลิกไม่ทำโครงการ

นายนิรุฒ กล่าวว่า กรณีการขอใช้และขอถอนสภาพลำรางสาธารณะประโยชน์ในพื้นที่ที่จะต้องพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ (TOD) มักกะสัน ซึ่งสถานะปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาในการดำเนินการ เพราะหากท้ายที่สุดไม่สามารถดำเนินการได้ รฟท.จะเจรจาขอลดขนาดพื้นที่เช่าลง แต่หากเอกชนไม่ยอมลดขนาดพื้นที่ ก็จะมีการพิจารณาชดเชยที่ดินในแปลงอื่นทดแทน

เพิ่มเพื่อน