จีเอเบิล โชว์รายได้สูงสุดในประวัติการณ์ ชี้ปี 67 โตต่อเนื่อง

จีเอเบิล โชว์ฟอร์มเยี่ยมเผยรายได้ All Time High สูงสุดในประวัติการณ์ดันภาคธุรกิจผงาดรับยุค AI FIRST ด้วยสมการกลยุทธ์ “Sustain = Smart + Secure”

28 ก.พ. 2567 – นายชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) เผยว่า เมื่อปี 2566 ที่่ผ่านมา จีเอเบิลประสบความสำเร็จในการยกระดับเป็นบริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) และการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้จีเอเบิลมีฐานความพร้อมด้านเงินทุนที่สามารถต่อยอดการลงทุนในด้านต่างๆ ทั้ง Capacity และ capability ได้ตามแผนการขยายการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต

และจีเอเบิลยังเป็นเจ้าของ Software Platform ที่มีการเติบโตสูงในหลายด้าน ถือเป็น Growth Engine สำคัญที่ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งมี 5 บริษัทในเครือเป็นพอร์ตหลักที่มั่นคงในการสร้างรายได้ และมีการใช้ Value-Added Distribution เป็นตัวต่อยอดการเติบโต ขณะที่ยังสามารถรักษาระดับรายได้จากรายได้ประจำ ได้กว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด และ มียอด Backlog สูงที่สุดในประวัติการณ์มากกว่า 4,500 ล้านบาท

จีเอเบิลในฐานะเป็นผู้ช่วยสร้าง Competitive Edge ให้ธุรกิจแข่งขันด้วยเทคโนโลยีมาตลอดเวลา มองว่า เทรนด์ AI ที่จะเข้ามาสร้างโอกาสเติบโตให้กับจีเอเบิล และอีกหนึ่งโอกาสการเติบโตที่สำคัญ คือ การสร้าง Smart Organization ผ่าน Business Application โดยเฉพาะ Human Capital Management Software (HCM) เพราะทรัพยากรสำคัญ ที่สำคัญ คือ “คน” จากข้อมูลของการ์ทเนอร์ เผยถึงการเติบโตเฉลี่ยของตลาด HCM ในอีก 3 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 18% เนื่องจากองค์กรต้องการสร้างความสามารถทางการแข่งขันผ่านการสร้างและพัฒนา Talent ซึ่งซอฟแวร์แพลตฟอร์มจะช่วยยกระดับองค์กรในการเอา Big Data และ AI มาใช้ทำ Talent Analytics, Skill Management และ สร้าง Productivity และ Efficiency ของพนักงานแต่ละส่วนงาน

สำหรับกลยุทธ์ในปี 2567 ของจีเอเบิล เกิดจากแนวคิดที่ต้องการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนให้ลูกค้าด้วย Smart + Secure

1.การนำ Core Business ของจีเอเบิลในส่วน Enterprise Solutions and Services ที่มี 5 พอร์ตหลัก ได้แก่ Data analytics, Cloud, Cybersecurity, Application Development และ Managed Tech Services รวมกับ IP platform ของจีเอเบิล เข้าไปช่วยเตรียมความพร้อมเรื่อง AI Ready Data และ AI Ready Security เพราะยิ่งเทรนด์ AI และ Cybersecurityมีความต้องการสูง ก็จะสร้างการเติบโตให้กับจีเอเบิลมากขึ้น

2.การขยาย Capability ด้วยโอกาสใน Business Application ที่มีศักยภาพด้าน HCM และ ERP ผ่านการเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทระดับโลกในด้านต่างๆ และเฟ้นหา Smart Business Applications อื่นๆ ที่น่าสนใจเข้ามาช่วยธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

3.มุ่งเน้นลงทุนในบริษัทที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจของจีเอเบิล เพื่อเพิ่มโอกาสที่มีมากกว่าและผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ สร้างความได้เปรียบในการนำเงินทุนจาก IPO ราวๆ 600 ล้านบาท สู่การต่อยอดการเติบโตในอนาคต

นางสาวรวีรัตน์ สัจจวโรดม ประธานบริหารสายงานการเงินและกลยุทธ์ บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2566 จีเอเบิลมีรายได้จากการดำเนินการเติบโตอยู่ที่ 5,338 ล้านบาท สูงกว่าปี 2565 ถึง 13% แม้มีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบทั้งความผันผวนของปัจจัยระดับมหภาคและอุตสาหกรรมมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น แต่จีเอเบิลยังคงเติบโตแบบสวนกระแส และสามารถเร่งการเติบโตของรายได้เป็น Double Digit ได้ในทุกส่วนธุรกิจทั้ง Enterprise Solution, Value Added Distribution และ Software Platform จากลูกค้าของจีเอเบิล

นอกจากนี้ หลังจากเข้าตลาด จีเอเบิลสามารถสร้างกำไรขั้นต้น จำนวน 1,099 ล้านบาท ในปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับร้อยละ 21 ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน

ด้านกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 253 ล้านบาท และจีเอเบิล มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระดับ 4,544 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาส 3 ปี 2566 รองรับการรับรู้รายได้ในอนาคต และมี Backlog ที่พร้อม รองรับรายได้ในปี 2567 แล้วกว่า 2,753 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งของเป้าหมายรายได้ในปี 2567

นอกจากนี้ บริษัทยังมองเห็นโอกาสเติบโตในอนาคตได้อีกมาก จากตัวเร่งความต้องการในการสร้าง AI Ready Organization ที่ลูกค้าต้องทำ AI-Ready Foundation ให้พร้อมทั้ง Data Analytics และ Cybersecurity อีกทั้งยังมีโอกาสเติบโตจากการเป็นพาร์ทเนอร์ใน Business Applications รวมถึงโอกาสการต่อยอดธุรกิจแบบ Inorganic Investment ผ่านการ M&A

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จะทำให้จีเอเบิลสะสม Backlog เพิ่มขึ้นเพื่อเดินหน้า All Time High ต่อในปีนี้ ประมาณ 4,500-5,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าปีนี้จีเอเบิลจะรักษาระดับ Gross Profit Margin ไว้ได้ที่ 20-22% ในขณะที่มี Recurring Income เพียงพอที่จะบริหารความเสี่ยงให้นักลงทุนมากกว่า 50% ด้วยการรักษาวินัยทางการเงิน ประกอบกับตอนนี้มีเงินทุนเหลือมากถึง 600 ล้านบาท จาก IPO ทำให้มีความพร้อมในปีนี้ที่จะต่อยอดการเติบโต ทั้ง Capacity
และ Capability เพื่อตอบรับเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2567

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บีเจซี เผยผลประกอบการไตรมาส 3/67 ดันรายได้รวมเติบโตทะลุ 41,774 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานปกติเติบโตกว่า 14.2%

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี เปิดเผยรายได้รวมในไตรมาส 3/67 เท่ากับ 41,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 603 ล้านบาทจากปีก่อน กำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 2,825 ล้านบาท

ผลประกอบการ SCGD 9 เดือนแรกปี 67 คว้ากำไร 730 ล้านบาท เพิ่ม 15% จากปีก่อน แม้ฝ่ามรสุมรอบด้าน ไตรมาส 3 ยังกำไร 189 ล้านบาท

ผลประกอบการ SCGD 9 เดือนแรกปี 67 กำไรสุทธิ 730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนที่ 637 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 เผชิญความท้าทายรอบด้าน

บีเจซี เผยผลประกอบการไตรมาส 2/67 ดันรายได้รวมเติบโตทะลุ 43,085 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานเติบโตกว่า 15%

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี เปิดเผยรายได้รวมในไตรมาส 2/67 เท่ากับ 43,085 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 257 ล้านบาทจากปีก่อน

บจ. มีผลประกอบการในไตรมาส 2 ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและธุรกิจน้ำมัน

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) รายงานผลการดำเนินงานงวดหกเดือนแรกปี 2567 มีรายได้และกำไรสุทธิเติบโต ขับเคลื่อนจากการท่องเที่ยวที่สร้างมูลค่าเพิ่มไปสู่ธุรกิจภาคบริการ อุปโภคบริโภค อีกทั้งกลุ่มธุรกิจน้ำมันได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น

ปตท.โกยกำไรครึ่งปี 6.4 หมื่นล้านบาท โต 34%

ปตท.โกยกำไรครึ่งปี 6.4 หมื่นล้านบาท โต 34% สะท้อนกลุ่มปิโตรเคมี-การกลั่นน้ำมันโต จับตาปรับแผนธุรกิจ ส่งอินโนบิก หาพาทเนอร์ร่วมทุน พร้อมเขย่ากลุ่มอีวี มุ่งเน้นการพัฒนาสถานีชาร์จเป็นหลัก ลั่นสิ้นปีนี้เห็นเงินลงทุน 5 ปี