27 ก.พ. 2567 – นายบรรจง ชวลิตเรืองฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจเกษตรภัณฑ์ หรือ KASETPHAND GROUP เปิดเผยว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่มีความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ และมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบทางลบพอสมควร โดยเฉพาะฟาร์มสุกร ซึ่งในช่วงหลายปีมานี้ จะเห็นได้ว่าภูมิภาคอาเซียน และภูมิภาคอื่นๆ มีการขยายกำลังการผลิตสุกรค่อนข้างมาก เมื่อทุกคนขยายร่วมกันทำให้ตลาดเกิด Over Supply ส่งผลทำให้ราคาเนื้อหมูตกต่ำ ส่วนสถานการณ์ฟาร์มสัตว์ปีกในประเทศไทยเองยังมีการนำเข้าเสรีของเนื้อไก่แช่แข็ง ซึ่งธุรกิจการเลี้ยงสัตว์จะต้อง Balance ระหว่าง Demand กับ Supply เมื่อไหร่ก็ตามที่ซัพพลายมีไม่จำกัด การปรับราคาก็เป็นไปได้ยาก สิ่งที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกจะต้องแข่งขันกันก็คือการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพกว่าก็จะชนะในธุรกิจนี้
ขณะที่ฟาร์มกุ้งของไทยเองก็ประสบปัญหาเรื่องการนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากประเทศเอกวาดอร์ ซึ่งราคาต้นทุนในการผลิตต่ำกว่าของประเทศไทย ที่สำคัญกุ้งจากเอกวาดอร์กระจายไปทั่วโลกทำให้หลายประเทศก็ประสบปัญหานี้คล้ายๆ ประเทศไทย นอกจากเรื่องการ Balance ระหว่าง Supply กับ Demand แล้วอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ยังต้องเจอกับสถานการณ์โรคระบาดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้มองว่าภายใน 1 ปีนี้อุตสาหกรรมกุ้งยังคงเผชิญกับปัจจัยที่ท้าท้ายนี้อยู่ แต่ยังสามารถประคับประคองธุรกิจไปได้ และในปี 2568 ก็น่าจะกลับมาเริ่มดีขึ้น
นายบรรจง กล่าวต่อว่า ธุรกิจเกษตรภัณฑ์เป็นบริษัทของคนไทยที่มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมากกว่า 50 ปี ให้บริการด้านวิศวกรรมอย่างครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง การผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง การสรรหาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตลอดจนวิศวกรรมบริการหลังการขาย ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้แก่ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ และสัตว์เลี้ยง (Feed), ระบบจัดเก็บและลำเลียงวัตถุดิบ
นอกจากธุรกิจหลักนี้แล้วในช่วงปีที่ผ่านมาธุรกิจเกษตรภัณฑ์ขยายหน้ากว้างสร้างโอกาสต่อยอดศักยภาพที่เรามีเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจโรงสกัดและโรงกลั่นน้ำมันพืช ธุรกิจคลังสินค้าครบวงจร และมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะต่างประเทศ
“แม้ว่าเราจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ แต่ด้วยความเข้าใจในธุรกิจและให้ความสำคัญอย่างมากในการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจอย่างใกล้ชิด มีทีมงานที่เข้มแข็ง มีความเข้าใจความต้องการของลูกค้า รวมถึงการมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจไปอย่างต่างประเทศมากขึ้น ทำให้เราเติบโตได้ ซึ่งก็มีความเชื่อมั่นว่าในอนาคต เราจะสามารถสร้างยอดขายส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศเป็นหลัก” นายบรรจง กล่าว
อย่างไรก็ดี ธุรกิจเกษตรภัณฑ์ ได้เข้าร่วมงาน VICTAM Asia 2024 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12-14 มีนาคม 2567 นี้ ที่ไบเทคบางนา มุ่งเน้นในการนำเสนอโซลูชั่นสำหรับธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมแบบครบวงจรด้วยเทคโนโลยีวิศวกรรมที่ออกแบบได้ตามต้องการ ประหยัดพลังงาน ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มมูลค่า มุ่งมั่นร่วมสร้างธุรกิจของลูกค้าและผู้ลงทุนให้ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืน