21 ก.พ. 2567 -นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ก.พ. 2567 จะมีการประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินลงทุนของหน่วยงานราชการทุกกระทรวง และรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง เพื่อวางแนวทางในการเร่งรัดการเบิกจ่ายและการลงทุนต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ในช่วงที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณ 2567 ยังไม่มีผลบังคับใช้ โดยยืนยันว่า ขณะนี้ภาครัฐได้ใช้มาตรการการคลังในทุกด้าน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในเติบโตในระยะถัดไป ส่วนมาตรการด้านการเงิน ขอไม่ให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว
โดยที่ผ่านมาเชื่อว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ได้มีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่แล้ว ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีนัดพิเศษหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับ กนง. จะเป็นผู้พิจารณา เพราะในวันนี้ข้อมูล และบริบททางเศรษฐกิจเปลี่ยนไปแล้ว
“เรื่องการประชุม กนง.นัดพิเศษ ผมคงไม่ก้าวล่วงว่าจะมีหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ กนง. จะไปพิจารณา โดยจากข้อมูลที่มันเปลี่ยนไป เขาจะต้องทำอะไรหรือไม่ ไม่ก้าวล่วงแน่นอน ส่วนมาตรการด้านการคลังทำไปค่อนข้างมากแล้ว ส่วนมาตรการ LTV ที่ผ่านมาได้ขอให้ ธปท. ทบทวนมาตรการดังกล่าว แต่ยังไร้การตอบรับในเรื่องนี้ ไม่รู้จะใจอ่อนเมื่อไหร่ ขณะที่ทางด้านกระทรวงการคลัง ที่ทำมาตลอดคือ มาตรการด้านภาษี การช่วยค่าธรรมเนียม การโอน การจดจำนอง จนถึงสิ้นปีนี้ ส่วนจะพิจารณาขยายต่อไปอีกได้หรือไม่ จะต้องมาพิจารณาอีกครั้งในช่วงสิ้นปี” นายกฤษฎา กล่าว
สำหรับข้อเสนอของคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่จะหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอทบทวนกรอบวงเงินกู้อีกครั้ง จากปี 2565-2566 ที่รัฐบาลเคยให้กรอบวงเงินกู้ได้ไม่เกิน 150,0000 ล้านบาท โดยทำเรื่องกู้รวมไปแล้ว 1.05 แสนล้านบาท โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยังเหลือเงินกู้ที่สามารถเบิกจากสถาบันการเงินได้อีกประมาณ 30,000 กว่าล้านบาทนั้น หากใกล้ ๆ แล้วค่อยนำเรื่องนี้มาหารือกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ในส่วนของการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2567 คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย โดยยอมรับว่า การตั้งเป้าหมายเดิมสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก เนื่องจากในการตั้งเป้าหมายนั้น ตั้งบนสมมติฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่คาดว่าปีนี้จะเติบโต 3.8-3.9% แต่ปัจจุบันกระทรวงการคลังได้ปรับลดประมาณการลงมา ดังนั้นจึงพยายามบริหารจัดการเพื่อให้การจัดเก็บรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย