OR โชว์กำไรปี 66 ทะลุ 1.1 หมื่นล้าน

OR เผยผลการดำเนินงานปี 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 11,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.0% และ EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 598 ล้านบาท ได้รับคัดเลือกให้ครองอันดับ 1 DJSI ของโลกในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเป็นปีแรก สะท้อนการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างอนาคตอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจสุขภาพและความงาม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์

14 ก.พ. 2567 – นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 11,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 724 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.0% จาก EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 598 ล้านบาท จากปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของทั้งประเทศไทยและต่างประเทศในภูมิภาค รวมทั้งการกลับมาของภาคท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม จากราคาจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีระดับต่ำกว่า ส่งผลให้รายได้ขายและบริการลดลง 20,651 ล้านบาท สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงาน กลุ่มธุรกิจ Mobility ยังคงแข็งแกร่ง มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรเติบโตขึ้นเล็กน้อย แม้ว่ากลุ่มธุรกิจ Global มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรโดยรวมจะอ่อนตัวลงตามสภาวะตลาดก็ตาม นอกจากนั้นกลุ่มธุรกิจ lifestyle สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ OR มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.92 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 อยู่ที่ 7.0% พร้อมกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติเห็นชอบให้เสนอจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2566 ที่อัตรา 0.27 บาทต่อหุ้น ในการนี้ บริษัทได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 29 เมษายน 2567 อย่างไรก็ดี สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ในวันที่ 10 เมษายน 2567

ในปี 2566 ที่ผ่านมา OR ได้เปิดตัว พีทีที สเตชั่น แฟลกชิป วิภาวดี 62 ต้นแบบสถานีบริการในอนาคตที่ครบครันทั้งด้านบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและทุกไลฟ์สไตล์ และสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของ OR ที่พร้อมสร้างโอกาสให้ผู้คน ชุมชน สิ่งแวดล้อม เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ตามแนวคิด SDG ในแบบของ OR ในทุกมิติ และได้ผลักดันการสร้างยอดขายและกำไรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม Energy Solution เช่น น้ำมันอากาศยานที่มีแนวโน้มยอดจำหน่ายสูงขึ้นจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ส่วนกลุ่มธุรกิจ Global OR ยังคงมุ่งแสวงหาพันธมิตรที่มีศักยภาพเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจร่วมกันในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ และเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้จับมือกับพันธมิตร เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น เปิดร้านสะดวกซัก “อ๊อตเทริ วอชแอนด์ดราย” สาขาแรกในประเทศกัมพูชา เป็นไปตามหนึ่งในกลยุทธ์ของ OR ในการผลักดัน SMEs ไทยที่ OR เข้าลงทุนได้ไปเติบโตในต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้ขยายสาขา Café Amazon ในประเทศญี่ปุ่น และมาเลเซีย อีกทั้งยังเปิด Café Amazon Concept Store แห่งแรกในต่างประเทศ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว

ด้านการดูแลชุมชน OR ได้พัฒนาโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ได้มีองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน รวมทั้งยังได้เปิดโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟคาเฟ่ อเมซอน ที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เป็นจุดรับซื้อผลผลิตเมล็ดกาแฟกะลาอะราบิกาในพื้นที่ภาคเหนือจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟโดยตรงในราคาที่เป็นธรรม รวมทั้งช่วยพัฒนาทักษะความรู้ให้เกษตรกร พร้อมช่วยแก้ไขปัญหาในกระบวนการปลูก การผลิต และการแปรรูปกาแฟอย่างครบวงจร เพื่อให้ได้ผลผลิตกาแฟมีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมตามวิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth หรือเติมเต็มโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน

ล่าสุด OR ได้รับคัดเลือกจาก S&P Global ให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) ในกลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) โดยได้รับคะแนนสูงสุดในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก (Retailing) เป็นปีแรก และได้รับรางวัล Best Sustainability Awards จาก SET Sustainability Awards 2023 รวมทั้งได้รับผลการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating 2023 ระดับสูงสุด AAA ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของ OR เพื่อสร้างความเข้มแข็งและการเติบโตอย่างยั่งยืน เคียงข้างชุมชน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง ESG ทั้ง 3 มิติ ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และและการกำกับดูแลที่ดี ผ่านการลงมือปฏิบัติจริงตามแนวทาง OR SDG

สำหรับในปี 2567 OR ยังคงมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแรงของธุรกิจหลัก (Core Business) เพื่อเป็นฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต ในปีนี้ มีแผนรุกธุรกิจ Health & Beauty เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกด้านสุขภาพและความงาม สร้างโอกาสและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ภายใต้ความร่วมมือที่สำคัญระหว่างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญทั้งในและต่างประเทศเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านไลฟ์สไตล์ อีกทั้งยังเตรียมเดินหน้าโครงการคาเฟ่ อเมซอน ปาร์ค ที่ จ. ลำปาง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ value chain ของคาเฟ่ อเมซอน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และสร้าง ecosystem ของคาเฟ่ อเมซอนให้ยั่งยืน และจะถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของ OR ที่ถูกผนวกเข้าไปกับการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่กลยุทธ์ แผนปฏิบัติการและเป้าหมายธุรกิจ และได้นำไปสู่การลงมือปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรมตามแนวคิด OR SDG In Action

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ดิษทัต ปันยารชุน’ CEO OR คว้ารางวัลเกียรติยศ THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2024 สุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR รับรางวัล THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2024

OR สนับสนุน 3 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย สร้างโอกาสให้คนตัวเล็ก มุ่งพัฒนาศักยภาพนักกีฬาไทยสู่สากล

ผศ. พิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และประธานอนุกรรมการพิจารณาจัดการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน

OR เปิดคาเฟ่ อเมซอน 2 สาขา ณ ประเทศมาเลเซีย ส่งมอบประสบการณ์และรสชาติกาแฟที่มีเอกลักษณ์แบบไทยสู่ต่างประเทศ

นางสาว ลิม ฮุย ยิง (YB Lim Hui Ying) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ประเทศมาเลเซีย และ นายรัชฎา จิวาลัย กงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง พร้อมด้วย นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ร่วมกับผู้แทน บริษัท คาเฟ่ ฮับ จำกัด (Café Hub Sdn. Bhd.)

OR ลุยสนับสนุน Motor Sport ปั้นนักกีฬา-วงการแข่งรถไทยพิสูจน์ฝีมือในระดับโลก

ในวงการแข่งขันความเร็วนั้นมีกีฬาหลายชนิดที่เป็นที่จับตามองอย่างมากในระดับโลก โดยเฉพาะการแข่งขัน Motor Sport ซึ่งเป็นการแข่งขันที่รวบรวมยานยนต์เกือบทุกประเภทไว้ด้วยกัน

OR จับมือ ไทย เวียตเจ็ท ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) สำหรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ก้าวสู่การบินคาร์บอนต่ำ สร้างสังคมสะอาดอย่างยั่งยืน

OR ร่วมกับ ไทย เวียตเจ็ท นำน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) มาใช้ในการบิน เที่ยวบินปฐมฤกษ์ ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของทั้งสองบริษัท