ซูเปอร์โพล ระบุ คนไทยเกือบ 27 ล้านคน ชี้การเงินในกระเป๋าของตนเองอยู่ในขั้นวิกฤต

11 ก.พ. 2567 – สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง จำนวนคนไทย ใน วิกฤตการเงิน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 1,146 ราย ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 7 – 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา

จากการประมาณการทางสถิติกลุ่มประชากรคนไทยอายุ 16 – 85 ปีมีอยู่จำนวนทั้งสิ้น 53,417,480 คน ที่ระบุ การเงินในกระเป๋าของตนเองอยู่ในขั้นวิกฤต พบว่า ประมาณครึ่งต่อครึ่ง หรือร้อยละ 50/50 ที่บอกว่าเงินในกระเป๋าของตนเองอยู่ในขั้นวิกฤต กล่าวคือ คนไทยเกือบ 27 ล้านคน คือ จำนวน 26,975,827 คน หรือ ร้อยละ 50.5 ระบุ การเงินในกระเป๋าของตนเอง อยู่ในขั้นวิกฤต ในขณะที่ อีกร้อยละ 49.5 ระบุไม่อยู่ในขั้นวิกฤต

เมื่อแบ่งออกจากภูมิภาค พบว่า คนในภาคอีสานส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.9 ระบุการเงินในกระเป๋าของตนเอง อยู่ในขั้นวิกฤต มากที่สุด รองลงมาคือ คนในภาคใต้คือร้อยละ 66.3 คนในภาคกลางร้อยละ 47.2 คนในภาคเหนือร้อยละ 35.8 และคนในกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 30.8 ระบุ การเงินในกระเป๋าของตนเอง อยู่ในขั้นวิกฤต

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงข้อกังวล ถ้ามีการแจกเงินดิจิทัลจริง พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 32.7 กังวลต่อความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ พวกมิจฉาชีพ ออนไลน์ รองลงมาคือร้อยละ 32.7 เช่นกัน กังวลภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของราคาแพง ร้อยละ 30.7 กังวลการทุจริตเชิงนโยบาย ร้อยละ 24.2 กังวลการสวมสิทธิ์ ร้อยละ 22.6 กังวลความมั่นคงทางเศรษฐกิจได้รับความเสียหาย ร้อยละ 21.7 กังวล ประชาชนเสียวินัยการเงิน ขาดความรับผิดชอบ ร้อยละ 19.2 กังวล ประชาชนผู้ห่างไกล เทคโนโลยี เข้าไม่ถึงการแจกเงินนี้ และร้อยละ 14.9 กังวลประเทศสูญเสียโอกาส พัฒนาที่ยั่งยืน ตามลำดับ

ที่น่าพิจารณาคือ ถ้าวันนี้เลือกตั้ง ประชาชนสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนเลือกพรรคในรัฐบาล เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเดือนมกราคม ที่ผ่านมา กับ เดือนกุมภาพันธ์ นี้ พบว่า ประชาชนกลับไปจากฝ่ายสนับสนุนและไม่สนับสนุน ไปขออยู่ตรงกลาง ไม่ฝักใฝ่ กล่าวคือ กลุ่มสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลลดลงจากร้อยละ 40.5 ในเดือนมกราคม ไปอยู่ที่ร้อยละ 31.2 ในขณะที่ กลุ่มไม่สนับสนุนก็ลดลงเช่นกันคือจากร้อยละ 39.3 ลงมาอยู่ที่ ร้อยละ 15.4 น่าจะเป็นผลมาจากการที่คนไทยสองกลุ่มเริ่มหันหน้ามาเผชิญหน้ากันในหลายมิติทั้งจากนโยบายรัฐบาลและไม่เกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล แต่กลุ่มคนที่ขออยู่ตรงกลาง ไม่ฝักใฝ่ กลับเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 20.2 ในเดือนมกราคม มาอยู่ที่ร้อยละ 53.4 ในการสำรวจครั้งล่าสุด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กลุ่ม LGBTQ ยังไม่เข้าใจกม.สมรสเท่าเทียม

นายนพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง เสียงของ LGBTQiA+ กรณีศึกษาตัวอย่างกลุ่ม LGBTQiA+ ทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)

แขวนงบดิจิทัลวอลเล็ต! กมธ.งบ 68 ข้องใจไม่มีเอกสารแจงรายละเอียด

ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธาน

กิ้งกือยังตกท่อ! 'แกนนำคณะก้าวหน้า' ชี้ช่องฟ้องศาลปกครอง ห้ามแจกเงินดิจิทัล

นายชำนาญ จันทร์เรือง แกนนำคณะก้าวหน้า และนักวิชาการด้านกฎหมายและการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การที่จะนำคดีเกี่ยวกับเงินดิจิตัล 10,000 บาท ไปศาลปกครอง

'พิชัย' นั่ง 'ปธ.กมธ.งบ68' จ่อขยับไทม์ไลน์ ส.ค. ถกวาระ 2-3

ถก กมธ.งบ68 นัดแรก เลือก 'พิชัย' นั่งประธาน แย้มขยับไทม์ไลน์เข้าสภาวาระ2-3 ภายในเดือน ส.ค. บอกไม่รู้ฝ่ายค้านจ่อยื่นศาลปกครองยับยั้งดิจิทัลวอลเล็ต

ฝ่ายค้านมีมติไม่รับหลักการ 'งบ 68' วาระแรก ร่าย 3 เหตุผล

ฝ่ายค้านมีมติไม่รับหลักการงบ 68 วาระแรก เหตุรัฐบาลเบียดบังงบ ดัน 'ดิจิทัลวอลเล็ต' เกินไป ชี้ยังให้โอกาสปรับถึงวาระสาม ขืนดื้อดึงขู่ร้องศาลสั่งระงับ 'ปกรณ์วุฒิ' มั่นในไม่มี สส.ก้าวไกล โหวตสวน

เปิดงบปี 68 'ดิจิทัลวอลเล็ต' 1.5 แสนล้าน ซุกงบกลาง อ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ

การเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วาระแรก ระหว่างวันที่ 19-21 มิ.ย.2567 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี2567