“คลัง” แจงขอไม่ก้าวล่วงหลัง กนง. ยังยืนดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี แต่มองถึงเวลาแล้วที่นโยบายการเงินจะต้องเข้ามาช่วยกัน พร้อมเข็นแพ็คเกจกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เปิดช่องผู้ประกอบการขอบีโอไอปักหมุดสร้างที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ระบุยังรอ ธปท. ใจอ่อนผ่อนเกณฑ์ LTV สนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์
8 ก.พ. 2567 – นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.การคลัง กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ กนง. จะพิจารณา เป็นเรื่องของการตัดสินใจในภาวะเศรษฐกิจที่ว่า นโยบายการเงินควรจะนำมาใช้ตอนนี้แล้วหรือไม่ ซึ่งตรงนี้คงไม่ขอก้าวล่วง ก็แล้วแต่ กนง. จะพิจารณา ขณะที่ในส่วนของรัฐบาลเองเห็นว่า เวลานี้ควรจะเข้ามาช่วยกันแล้วเท่านั้นเอง
“เป็นเรื่องที่ กนง.จะพิจารณากันเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ แต่ส่วนตัวก็ยังไม่เห็นตัวเลขเศรษฐกิจปี 2566 ของกนง. เข้าใจว่ายังไม่ได้มีการแถลง เราก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเลขปี 2566 จะเป็นอย่างไร ขณะนี้มีเพียงตัวเลขเศรษฐกิจจากกระทรวงการคลังเท่านั้นที่ออกมา เข้าใจว่าอาจจะรอตัวเลขจริง ๆ จากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ที่จะออกมาเร็ว ๆ นี้ ส่วนแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจในปี 2567 ของทุกส่วน ผมเข้าใจว่าคงมองใกล้ ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คลัง โดยสมมุติฐานเท่าที่ทราบ ที่เห็นตามข่าวก็ออกมาใกล้เคียงกัน” นายกฤษฎา กล่าว
อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ และระหว่างที่รอความชัดเจนจากโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet กระทรวงการคลัง กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาแพ็คเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสนับสนุนให้คนมีที่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยจะเปิดให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายย่อยสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในการสร้างที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นมาตรการที่ออกมาเสริมกับการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองในช่วงก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างการหารือและเจรจาร่วมกับ ธปท. เพื่อขอให้มีการปรับลดเกณฑ์มาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value : LTV) ซึ่งยอมรับว่าได้มีการหารือกับไปหลายทีแล้ว และหวังว่าทาง ธปท. จะใจอ่อนเสียที
“มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่เตรียมจะออกมานั้น ปลัดกระทรวงการคลัง และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อยู่ระหว่างดำเนินการ ผมยังไม่เห็นรายละเอียด แต่ตามหลักหากพิจารณาเรียบร้อยแล้วก็ต้องนำไปหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง ซึ่งคิดว่าน่าจะออกมาเป็นแพ็คเกจ โดยจากสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ กระทรวงการคลังได้มีการเร่งผลักดันมาตรการด้านการคลังออกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เรื่องการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล เพราะต้องการให้เศรษฐกิจเติบโต มาตรการด้านภาษี ทั้งการลดหย่อนต่าง ๆ มาตรการด้านการส่งเสริมการลงทุนต่าง ๆ สะท้อนจากตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ มาตรการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งเหล่านี้เกี่ยวกับมาตราการด้านการคลังที่พยายามทำอย่างเต็มที่ พยายามพิจารณาดูว่าส่วนไหนที่ยังขาดก็เข้าไปช่วย” นายกฤษฎา กล่าว