"ไพศาล อ่าวสถาพร" นำทัพบิสโตรเอเชีย สร้างผลกำไรทุกแบรนด์-เติบโตแบบยั่งยืน

4 ม.ค. 2567 – คงต้องบอกว่าสถานการณ์เศรษฐกิจยังคงชะลอตัวในหลายๆ ประเทศ ทำให้แทบทุกธุรกิจต้องมีการปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์มากขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร แม้ว่าหลายคนจะมองว่ามีโอกาสทางธุรกิจอยู่มาก แต่หากปัจจัยลบทำให้กำลังซื้อไม่เอื้ออำนวยต่อการตัดสินใจซื้อ ก็นับว่าเป็นโจทย์ที่ร้านอาหารต่างๆ ต้องกลับมาคิดทำการตลาดอย่างหนัก โดยทาง บริษัท บิสโตร เอเชีย จำกัด ในเครือไทยเบฟ ประกอบไปด้วย 6 แบรนด์ ได้แก่ บ้านสุริยาศัย, ไฮด์ แอนด์ ซีค แอทธินี, หม่าน ฟู่ หยวน, โซ อาเซียน, แวนเทจ พอยท์ และฟู้ด สตรีท ก็กำลังสร้างผลกำไรเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำทัพของ นายไพศาล อ่าวสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิสโตร เอเชีย จำกัด ที่เรียกว่าเป็นมือทองของการปั้นร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจากแบรนด์ชื่อดัง “โออิชิ”

ไพศาล เริ่มเล่าถึงเทรนด์ธุรกิจอาหารในปี 2567 นี้ว่ามีหลากหลายแนวโน้มที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการ “น้ำ” ที่จะมีดีมานด์สูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากสภาวะโลกร้อนและโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้เกิดนวัตกรรมในเครื่องดื่มกันมากขึ้น จะเห็นได้ว่าในตลาดมีการแตกไลน์สินค้าและมีการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมากันเยอะมาก โดยในประเทศไทยก็จะมีแนวโน้มไม่แตกต่างกัน

อีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรงคือ ความต้องการอาหารที่รสชาติเผ็ดร้อนมากขึ้น เนื่องจากการรับประทานอาหารรสชาติแบบเดิมๆ ในต่างประเทศ เริ่มเป็นเรื่องธรรมดาเกินไป เกิดการโหยหารสชาติแปลกใหม่ และแน่นอนอาหารเอเชียก็น่าจะตอบโจทย์รสชาติเผ็ดร้อนให้กับชนชาติอื่น แน่นอนว่าทำให้อาหารเอเชียที่มีรสชาติดังกล่าว เป็นที่ต้องการของคนในต่างประเทศมากขึ้น  ขณะเดียวกันจากสถานการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนต่างสหันมาสนใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น และมองหาส่วนประกอบที่เป็นสมุนไพรกันอย่างแพร่หลาย

สำหรับเทรนด์ในประเทศไทยที่ขาดไม่ได้เลยคือสายมูสุดปัง ที่แบรนด์ต่างๆ จะทำการตลาดในเรื่องดังกล่าวอย่างเข้มข้นมากขึ้น รวมถึงในวงการร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่เป็นชื่อมงคลตามความเชื่อต่างๆ ของแต่ละบุคคล ซึ่งเรียกได้ว่า หากใครไม่จับการตลาดสายมูก็คงจะพลาดโอกาสไปอย่างแน่นอน

ไพศาล ระบุต่ออีกว่า ผลประกอบการของบริษัทปีงบประมาณ 2566 ที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตมากถึง 70% โดยในปี 2565 หลังจากที่ตัวเองได้เข้ามาบริหารงานก็พบว่าในช่วง 7 เดือนแรกตัวเลขก็เริ่มวิ่งขึ้น หรือเกือบเทียบเท่าในปี 2562 สำหรับปีงบประมาณ 2567 ที่ในส่วนของบริษัทเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา พบว่านับตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมไม่ดี เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลก แต่ไตรมาสแรกก็ยังโต 7.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยความสำเร็จที่เกิดขึ้นก็มาจากหลายกลยุทธ์ ทั้งการออกเมนูอาหารใหม่เพื่อดึงคนเข้าร้านให้มากขึ้น รวมถึงการใช้โมเดลทางธุรกิจที่หลากหลายให้กับแบรนด์ เช่น สามารถทานได้แบบบุฟเฟต์หรือทานเดี่ยว และการมีมื้อกลางวันสุดพิเศษ รวมถึงการทำโปรโมชั่นที่หลากหลาย ให้ตอบโจทย์ลูกค้าในหลายๆ กลุ่ม ซึ่งการมีหลายโมเดลทำให้ร้านมีความยืดหยุ่นในการบริการมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการใช้อินฟลูเอนเซอร์ช่วยโปรโมตร้าน โดยชาว Tiktokers ที่มีฐานคนติดตามนับเป็นส่วนสำคัญที่สร้างยอดขายให้เติบโตกับทางแบรนด์ในเครือเป็นอย่างมาก หรือสัดส่วนรายได้ 50% ของแบรนด์แวนเทจ พอยท์ มาจากส่วนนี้

“เป้าหมายปี 2567 อยากเติบโตประมาณ โดยตอนนี้มีแผนที่จะขยายสาขาใหม่ รวมถึงพัฒนาแบรนด์เข้ามาเพิ่ม โดยกลยุทธ์ต่างๆ จะถูกพัฒนามาจากการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจร้านอาหารในเครือ และกิจกรรมการตลาดที่ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ก็จะถูกนำมาสานต่อในปีนี้เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน”

อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับบ้านสุริยาศัย “The Journey Of 100” The 100 BOON-NAK ด้วยการร่วมมือกับ ศรัณญ อยู่คงดี ผู้ก่อตั้งแบรนด์ SARRAN by Sarran Youkongdee ผู้ออกแบบเครื่องประดับลุกส์ชุดไทยจากมิวสิกวิดีโอเพลง LALISA ของ Lisa แห่งวง BLACKPINK ที่จะมาร่วมสร้างประสบการณ์ความหรูหราให้กับอาหาร ยกระดับแบรนด์ให้พรีเมียมมากยิ่งขึ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มิจฉาชีพเนียนเปิดเพจปลอม ปปง. หลอกผู้เสียหายลงทะเบียนรับเงินคืน

ดีอี เตือน เพจปลอม “ปปง. ร่วมกับ สอท. เปิดให้ผู้เสียหายคดีฉ้อโกงออนไลน์ลงทะเบียนขอรับเงินคืน เพียง 3 ขั้นตอน ผ่านเพจ Maintain security online.” ขออย่าเชื่อ-แชร์ หวั่น “โจรออนไลน์” หลอกดึงข้อมูล-ดูดเงิน

รบ.เปิดตัวเลขนักท่องเที่ยว 11 เดือนปี 67 เข้าไทยทะลุ 32 ล้านคน

รบ.เปิดตัวเลขนักท่องเที่ยว 11 เดือน เข้าไทยทะลุ 32 ล้านคนแล้ว จีนยังครองอันดับ 1 ส่วนชาวมาเลฯชื่นชอบเที่ยวไทยมากกว่า 4.6 ล้านคน

'บลจ.กรุงศรี' คัดกองทุนเด่น ชวนลูกค้าวางแผนการเงินรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี

บลจ.กรุงศรี คัดสรร SSF/RMF/Thai ESG มาแนะนำ ครบทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสมหลายสินทรัพย์ หุ้นไทย และกองทุนหุ้นสไตล์ defensive ซึ่งเหมาะกับการลงทุนยาว ตอบโจทย์ทุกสภาวะการลงทุนพร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี