บาจา (ประเทศไทย) รุกต่อเนื่อง เพิ่มไลน์สินค้า เปิดตัว Red Collection – Born in Italy, Worn Locally ตามคอนเซ็ปต์ ‘Style with Comfort’ ซึ่งเป็นกลุ่มรองเท้าแฟชั่นกับความสวยมีสไตล์และใส่สบายด้วยคุณภาพมาตรฐานยุโรป รวมทั้งยังเสริมประสบการณ์การซื้อสินค้าอย่างไร้ขีดจำกัดผ่านเซอร์วิสใหม่ พร้อมเปิดตัว Pocket Franchise ให้สมาชิกสามารถรับค่าคอมมิชชั่นจากการแนะนำสินค้า หวังดันมาร์เก็ตแชร์ขึ้นอีกหลังจากที่ผ่านมากวาดยอดขายพุ่งถึง 17% ขึ้นแท่นแบรนด์ที่โตมากที่สุดในตลาด 2 ปีซ้อน
30 ม.ค. 2567 – วิลาสินี ภาณุรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บาจา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บาจา (ประเทศไทย) ยังคงมีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยโตเร็วกว่าตลาดเกือบ 2 เท่า ในปี 2023 ซึ่งมาจากการขยายตัวทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ปัจจัยส่งเสริมการเติบโตนี้มาจากการที่เราทำการตลาดและขยายธุรกิจอย่างเข้มข้นตั้งแต่กลางปี 2022 ไม่ว่าจะเป็นการปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยขึ้น ขยายช่องทางในด้านโซเชียลมีเดียมากขึ้น และกระตุ้นการขายด้วยแบรนด์แอมบาสเดอร์คนดังอย่าง “เบลล่า-ราณี แคมเปน” เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง เสริมทัพด้วยเหล่า Friends of Bata ซี-พฤกษ์ พานิช, นุนิว-ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์, โบกี้ไลอ้อน และ เดอะทอยส์ พร้อมทั้งนำสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อให้สอดรับกับเทรนด์แฟชั่นที่ทันสมัย และปรับปรุงหน้าร้านเพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมให้ลูกค้าชอปสนุกและเป็นกันเองมากขึ้น รวมทั้งยังมี Automatic Tool ที่ทำให้เราทำงานและเข้าถึงลูกค้าได้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยการปรับตัวครั้งใหญ่นี้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้บาจากลับเข้ามาเป็นผู้เล่นที่แอคทีฟและดีดตัวกลับมาเป็นบริษัทที่โตมากที่สุดติดกัน 2 ปีซ้อน
สำหรับตลาดรองเท้าในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่เคลื่อนไหวเหวี่ยงตัวเป็นพิเศษ จากปลายปี 2022 ที่ตลาดกลับมาเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากคลายล็อกดาวน์ Covid-19 ทุกแบรนด์กลับมาคึกคัก ต่อเนื่องจนถึงครึ่งปีแรกของปี 2023 โดยที่ตลาด Sneakers ยังคงเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมและส่งผลให้ตลาดรวมโตคู่กับกลุ่มรองเท้าเด็ก แต่ผลกระทบจากเศรษฐกิจทั่วโลกทำให้ตลาดเริ่มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งในปี 2024 นี้ เราคาดว่าจะเห็นกลุ่มรองเท้าอื่น เช่น Dress Shoes กลับมาได้รับความนิยมขึ้น แต่จะเป็นเทรนด์ที่รองเท้าต้องมากับความใส่สบายและมีความแคชชวลขึ้น เช่น รองเท้าบัลลาลิน่า และรองเท้าแมรี่เจน เพราะความสบายที่ลูกค้าได้รับจากการใส่สนีกเกอร์ในปีที่ผ่านมาจะกลายเป็นความต้องการที่รองเท้าทุกกลุ่มต้องมี และเป็นสิ่งที่คล้องจองกับแนวทางการทำสินค้าของบาจา
ทั้งนี้กลยุทธ์ในการพัฒนาสินค้าปีนี้ จะยังคงตามคอนเซ็ปต์ “Style with Comfort” ที่รองเท้าทุกคู่ทุกกลุ่ม ต้องใส่สบายเป็นหลักแต่มีการเพิ่มสไตล์และดูเทรนดี้ขึ้น โดยหลังจากที่เราเปิดตัว Red Label ซึ่งเป็นสินค้าไลน์แฟชั่น และได้รับการตอบรับอย่างดี ช่วยให้ขยายกลุ่มลูกค้าเพิ่มไปสู่กลุ่ม Younger ที่มี Style Conscious คือรักแฟชั่นอย่างแท้จริงและรู้จักเลือกในสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง ในปีนี้เราจะขยายไลน์กลุ่มนี้ให้ไปสู่กลุ่มที่กว้างยิ่งขึ้น ตามจุดยืนของเราคือ ‘Shoes for All’ ที่ต้องการให้ทุกคนเข้าถึงรองเท้าสวย คุณภาพดี ใส่สบาย ด้วยการเปิดตัว “Red Collection” ที่ได้แรงบันดาลใจจากไลน์ Red Label แต่ทำให้ใส่ง่ายขึ้น และราคาจับต้องได้มากขึ้น โดยสินค้ากลุ่มนี้จะมีจำหน่ายในช่องทางร้านค้าของเราที่มากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ หลังจากความสำเร็จในการเปิดตัว North Star สนีกเกอร์สายสตรีท และ Power สนีกเกอร์สายกีฬา ในปีนี้ก็จะมีสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาเสริมทุกเดือน แต่เราจะกลับมาเน้นทำกลุ่มรองเท้าที่เป็น Heritage และคุ้นชินกับแบรนด์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าแตะใส่สบายไลน์ Comfit ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าหลักซึ่งทุกคู่มากับเทคโนโลยี Comfort ดังนั้น เราจะมีสินค้าแตะดีไซน์สวย ๆ มาเพิ่ม และความพิเศษคือจะมี Comfit ที่ไม่ใช่แค่รองเท้าแตะ แต่จะมี Ballerina, Moccasin, Loafer และ Mary Jane ให้กลุ่มคนทำงานได้มีรองเท้าใส่สบาย ทนทานให้เลือกอีกมาก รวมถึงรองเท้ากลุ่ม Dress Working Shoes Uniform รองเท้าสำหรับหลากหลายอาชีพ ทุกสถานการณ์ และยังมีแผนเปิดตัวรองเท้าเด็ก แบรนด์บับเบิ้ลกัมเมอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อให้บาจาเป็นจุดหมายปลายทางที่มีรองเท้าทุกแบบสำหรับทุกคนทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกการใช้งาน ภายใต้ข้อกำหนดว่าต้องสวยมีสไตล์ นุ่มใส่ง่าย สบายกระเป๋า และแน่นอนว่าในปีนี้เราจะยังคงเดินหน้าโปรเจกต์ Surprisingly Bata ต่อไป โดยทุ่มงบการตลาดเพิ่มเติม และตั้งเป้าเปลี่ยนโฉมทุกร้านให้เสร็จ เพื่อทำให้ภาพลักษณ์ใหม่ที่เราต้องการสื่อสารชัดเจนยิ่งขึ้น
ด้าน Automation Tool ที่จะใช้เพิ่มประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าในการชอปที่ดียิ่งขึ้น เราได้เปิดตัวแคมเปญ You Shop We Ship ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Omni-Channel รองรับในกรณีที่ลูกค้าไปหน้าร้านแล้วไม่มีสินค้าตามต้องการ พนักงานจะแนะนำให้สั่งซื้อผ่านหน้าร้าน และจะจัดส่งสินค้าไปให้ที่หน้าบ้าน เป็นการเชื่อมต่อการชอปทั้งออฟไลน์และออนไลน์อย่างครบวงจร เสริมประสบการณ์การซื้อสินค้าอย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมเสริมด้วย Bata Pocket Franchise Share & Chill แค่แชร์สินค้าที่ลูกค้าชื่นชอบผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลของตัวเอง แล้วรับค่าตอบแทน 15% จากยอดขายเมื่อมีคนสั่งซื้อสินค้าผ่านลิงก์ พร้อมปรับปรุง Bata Club เพิ่มสิทธิ์พิเศษของเมมเบอร์ต่าง ๆ ขึ้นอีก
บาจายังทำการตลาดอย่างต่อเนื่องกับกลุ่มเป้าหมายด้วยการพูดคุยกับบรรดาคุณแม่ Young Mom เนื่องจากเป็นคนตัดสินใจเรื่องการซื้อรองเท้าให้ทุกคนในบ้าน และหนุ่มสาววัยทำงาน กลุ่ม Millennials ซึ่งเป็นกลุ่มที่เราพัฒนารองเท้ามาเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มนี้ โดยคาดการณ์ว่าปีนี้จะดันการเติบโตขึ้นอีก 12% เพื่อสามารถกลับขึ้นเป็นที่ 1 อีกครั้งในอีก 3 ปีข้างหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อสมท.ปรับกลยุทธ์โฟกัสพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
บมจ.อสมท กำหนดเป้าหมายและทิศทางของการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยประกาศ “นโยบายการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน” เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้ดำเนินงานอย่างโปร่งใส และเป็นไปตามมาตรฐานสากล ให้ความสำคัญต่อการบริหารธุรกิจด้วยหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ยกระดับการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบที่ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) รวมถึงมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความยั่งยืนด้วยความสามารถหลักขององค์กร