'ออมสิน' กางยอดปลดหนี้โควิดล็อตแรก 6.3 แสนราย

“ออมสิน” กางยอดปลดหนี้โควิด-19 รอบแรก 6.3 แสนราย พ้นหนี้เสีย ปักธงงบ 68 จบ แบงก์รัฐเข็นช่วยเพิ่มได้อีกเป็น 1.1 ล้านคน

30 ม.ค. 2567 – นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2566 ให้ธนาคารออมสินช่วยเหลือลูกหนี้โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ส่งผลให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ และกลายเป็น NPL นั้น ธนาคารได้ติดตามทวงถามลูกหนี้โครงการดังกล่าวให้ชำระหนี้แล้ว แต่ลูกหนี้บางส่วนยังคงประสบความเดือดร้อน ไม่สามารถชำระได้ รัฐบาลจึงให้นำงบประมาณชดเชยค่าเสียหายจากหนี้เสียที่จัดสรรสำหรับโครงการสินเชื่อดังกล่าวมาชำระหนี้แทน

ทั้งนี้ ธนาคารได้ดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวในระยะแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้หลุดพ้นและปลดภาระจากการเป็นหนี้เสีย กลับมามีประวัติทางเครดิตปกติ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้แล้วถึง 630,000 คน คิดเป็น 18% ของจำนวนผู้ที่เป็นหนี้เสียบัญชี 21 (หนี้ค้างชำระเกิน 90 วัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติ)

“ในระยะถัดไปธนาคารจะเร่งดำเนินการส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จ คาดว่าภายในสิ้นเดือน พ.ค.2567 หลังจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณประจำปี 2568 ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งเมื่อรวมทุกธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) แล้ว จะสามารถช่วยคนได้เพิ่มเป็น 1.1 ล้านคน คิดเป็น 31% ของบัญชี 21 ทั้งหมด” นายวิทัย กล่าว

สำหรับโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2563 เป็นโครงการที่รัฐบาลเห็นชอบให้ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อแก่ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ รายละ 10,000 บาท เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องและบรรเทาความเดือดร้อนอย่างหนัก ในช่วงเวลาการแพร่ระบาดรุนแรง ณ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลือก Payroll ธนาคารไหนดี รวมข้อมูลน่ารู้ไว้แล้วที่นี่

Payroll หรือบริการโอนเงินเดือนอัตโนมัติ เปรียบเสมือนผู้ช่วยคนสำคัญที่ช่วยให้บริษัทของคุณจัดการเรื่องเงินเดือนพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และแม่นยำ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับการจ่ายเงินสดหรือเช็ก

ประชาชนสะท้อนปัญหาแก๊งดูดเงิน หวัง ธนาคาร-ธปท. รับผิดชอบเพิ่มขึ้น

นายนพดล กรรณิกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนภาคประชาชนในคณะกรรมการ นโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) และอาจารย์ประจำหลักสูตรความปลอดภัยทางไซเบอร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม เปิดเผยความร่วมมือของสองสำนักโพลระหว่าง สยามเทคโนโพล และ ซูเปอร์โพล