เชฟรอนฯ และ ปตท.สผ. ลงนามข้อตกลงเตรียมเข้าพื้นที่เอราวัณ รับข้อสรุปล่าช้า 2 ปี

เชฟรอนฯ และ ปตท.สผ. ลงนามข้อตกลงความร่วมมือฯเตรียมเข้าพื้นที่เอราวัณ ผลิตก๊าซต่อเนื่อง รับสรุปข้อตกลงล่าช้า 2 ปี หวั่นส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในช่วงเปลี่ยนผ่าน ย้ำทั้ง 2 บริษัทพร้อมที่จะดำเนินการบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

25 ธ.ค. 2564 นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ(ชธ.) เปิดเผยว่าบริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ ปตท.สผ. อีดีในฐานะผู้ดำเนินการรายใหม่ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต ของแปลง G1/61 และบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ผู้รับสัมปทานรายเดิมได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือในช่วงเปลี่ยนผ่านของแหล่งก๊าซธรรมชาติกลุ่มเอราวัณ ซึ่งประกอบด้วย ข้อตกลงการเข้าพื้นที่ (SAA) ข้อตกลงการเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินกิจกรรมการรื้อถอนสิ่งติดตั้ง (ARAA) และ ข้อตกลงการถ่ายโอนการดำเนิน (OTA) ซึ่งจะทำให้การดำเนินการตามสัญญาแบ่งปันผลผลิตในโครงการแปลง G1/61 เดินหน้าต่อไป

“ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากปัญหาความล่าช้าในการเข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณนั้นกรมฯ ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศ ได้ใช้ความอุตสาหะพยายามอย่างเต็มที่ในการดำเนินการเพื่อประสานให้ทั้ง 2 บริษัทมาหารือเพื่อให้ได้ข้อตกลงต่าง ๆ ร่วมกัน ที่จะส่งผลให้การดำเนินงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป็นไปอย่างราบรื่น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติมีความกังวลที่การลงนามในข้อตกลงฯ ดังกล่าวเกิดความล่าช้าเป็นเวลากว่า 2 ปี แต่ก็มีความยินดีที่ ณ ปัจจุบันการลงนามข้อตกลงฯ ส่งผลให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น สำหรับการเข้าพื้นที่ของ ปตท.สผ.อีดี เพื่อเตรียมความพร้อมในการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งดังกล่าวเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นสำคัญ”นายสราวุธ กล่าว

สำหรับความสำคัญของข้อตกลงทั้ง 3 ฉบับ ได้แก่ 1. ข้อตกลงการเข้าพื้นที่ (SAA) ซึ่งเป็นข้อตกลงเพื่อให้ผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสามารถเข้าพื้นที่ไปดำเนินกิจกรรมเตรียมการ เช่น การติดตั้งแท่นหลุมผลิต การเจาะหลุมผลิต และการเชื่อมต่อแท่นหลุมผลิตใหม่เข้ากับแท่นหลุมผลิตเดิม 2. ข้อตกลงการเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินกิจกรรมการรื้อถอนสิ่งติดตั้ง (ARAA) ซึ่งเป็นข้อตกลงเพื่อให้ผู้รับสัมปทานสามารถเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินกิจกรรมการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่รัฐไม่รับมอบภายหลังสิ้นสุดอายุสัมปทาน ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 80/1 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และข้อ 22 แห่งกฎกระทรวง กําหนดแผนงาน ประมาณการค่าใช้จ่าย และหลักประกันในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม พ.ศ. 2559 ซึ่งผู้รับสัมปทานมีหน้าที่ในการจัดทำข้อตกลงการส่งมอบสิ่งติดตั้ง (ATA) รวมถึงข้อกำหนดในสัมปทานปิโตรเลียม

และ 3. ข้อตกลงการถ่ายโอนการดำเนินงาน (OTA) ซึ่งเป็นข้อตกลงที่กำหนดกรอบความร่วมมือในการถ่ายโอนการดำเนินงานระหว่างผู้รับสัมปทานและผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต เช่น การส่งมอบข้อมูลที่จำเป็นต่อการประกอบกิจการปิโตรเลียมให้แก่ผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต การถ่ายโอนการดำเนินงานระหว่างกัน เป็นต้น ซึ่งเป็นการดำเนินการตามข้อ 6 ของประกาศกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เรื่องข้อตกลงการส่งมอบสิ่งติดตั้ง พ.ศ. 2561

ทั้งนี้ บริษัท ปตท.สผ. อีดี เป็นผู้ชนะการประมูลและจะเป็นผู้ดำเนินงานรายใหม่ในแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณหลังจากสัมปทานของบริษัท เชฟรอนฯ หมดอายุลงในเดือนเม.ย. 2565 ซึ่งตามเงื่อนไขในการประมูลนั้น บริษัท ปตท.สผ.อีดี จะต้องผลิตก๊าซธรรมชาติให้ได้ในอัตรา 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งความล่าช้าในการทำข้อตกลงฯ ของทั้ง 2 บริษัทอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในช่วงเปลี่ยนผ่าน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปตท.สผ. โชว์ 9 เดือน ส่งรายได้เข้ารัฐ 43,300 ล้านบาท

ปตท.สผ. เผยผลการการดำเนินงานรอบ 9 เดือน ปี 2567 การขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลมีความก้าวหน้าขึ้นมาก ซึ่งจะช่วยขยายขีดความสามารถด้านต่าง ๆ ของบริษัททั้งปัจจุบันและอนาคต สำหรับ 9 เดือนแรกนี้ บริษัทสามารถนำส่งรายได้จากการดำเนินธุรกิจให้กับรัฐประมาณ 43,300 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาประเทศ

ปตท.สผ. จัดงาน PTTEP KM Week 2024 แบ่งปันองค์ความรู้ ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. และ น.ส.คณิตา ศาศวัตายุ (ขวา)

ปตท.สผ. เผยผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกของปี 2567 พร้อมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 4.50 บาทต่อหุ้น

ปตท.สผ. เผยความคืบหน้าการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2567 ประสบความสำเร็จในการขยายฐานการลงทุนในตะวันออกกลาง

ปตท.สผ. ได้รับการรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทยอย่างต่อเนื่อง

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. โดยนายชยากร เลี้ยงรื่นรมย์ (ซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานตรวจสอบ