“ธปท.” ตอบปมเงินเฟ้อติดลบทำไมไม่ลดดอกเบี้ย แจงเป็นปัญหาเฉพาะที่ไม่ยั่งยืน ระบุไม่ยึดติดพร้อมปรับนโยบายการเงินให้สอดคล้องเศรษฐกิจ ยินดีรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน ยันไม่มีประชุม กนง. นัดพิเศษ
16 ม.ค. 2566 – นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า ดอกเบี้ยนโยบายตอนนี้สูงไปหรือไม่ ในขณะที่เศรษฐกิจขยายตัวช้าและเงินเฟ้อติดลบนั้น ธปท.เข้าใจและเห็นใจ หลายคนเจอเศรษฐกิจไม่ดี มีปัญหาปากท้อง ธปท.และ กนง.ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่เกิดจากปัญหาเชิงโครงสร้าง เศรษฐกิจฟื้นตัวไม่ทั่วถึง นโยบายการเงินแก้ไม่ได้ง่าย ๆ หลายอย่างต้องใช้ยาและการรักษาที่ตรงต้นตอของปัญหา ซึ่งการลดดอกเบี้ย มีความเสี่ยง ไม่ใช่แค่เงินเฟ้อ แต่อาจมีปัญหายากเกินแก้ เช่น การก่อหนี้เกินตัว รวมทั้งการแสวงหาผลตอบแทนที่สูง (Search for yield)
ส่วนการที่เงินเฟ้อติดลบแต่ทำไมไม่ลดดอกเบี้ย สาเหตุคือจากปัจจัยเฉพาะที่ไม่ยั่งยืน การลดดอกเบี้ยไม่สะท้อนกำลังซื้อ เพราะเงินเฟ้อลดลงจากปัญหาอุปทาน การผลิตที่คลี่คลายลงในบางสินค้า ประเมินว่าเงินเฟ้อจะติดลบยาวถึงเดือน ก.พ.นี้ และค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1-2% ซึ่งอยู่ในกรอบภายในสิ้นปี 2567 โดยธปท.รับฟังจากทุกภาคส่วน จากรัฐบาล กระทรวงการคลัง นายกรัฐมนตรี นักวิเคราะห์ที่ให้มุมมองมีประโยชน์ ซึ่งมีหลายปัจจัยต้องคำนึงทั้งระยะสั้นระยะยาว ได้ทบทวนเสมอว่ามีจุดยืนสอดคล้องอย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่ พร้อมทั้งยืนยันไม่มีการประชุม กนง.นัดพิเศษ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาเป็นปกติ ตลาดการเงินทำงานปกติ ไม่มีเหตุผลเรียกการประชุมนัดพิเศษ
อย่างไรก็ดี กนง. พร้อมที่จะปรับนโยบายการเงินให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ไม่ได้มีการยึดนโยบายจนไม่มีการปรับเปลี่ยน ซึ่งที่ผ่านมาการปรับขึ้นดอกเบี้ยก็เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป สะท้อนการชั่งน้ำหนักและพิจารณาปัจจัยทั้งหมด ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยจุดยืนที่ กนง. อยากให้มีในภาวะการเงินปัจจุบัน คือ อยากให้มีการสมดุล และเป็นกลาง ไม่ฉุดรั้งเศรษฐกิจ
“ข้อมูลตอนนี้ที่ชัด คือ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังไปต่อ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีก่อนและอาจผิดคาด คือ ปัญหาเชิงโครงสร้างที่สร้างข้อจำกัดให้เศรษฐกิจมากกว่าที่คิด ซึ่งต้องกลับมาดูว่ากระทบกับแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างไร ซึ่ง กนง. จะเอาข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาว่ามีนัยยะมากน้อยแค่ไหน อยากให้เข้าใจว่านโยบายการเงินไม่ได้มีอะไรที่ถูกต้อง 100% เพราะมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว” นายปิติ กล่าว
นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง ให้ความเห็นว่าดอกเบี้ยไทยสูงเกินไป และกำไรธนาคารพาณิชย์สูง ท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชน ว่า ประเด็นนี้ ธปท. จะต้องพูดคุยหารือกับธนาคารพาณิชย์อย่างใกล้ชิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้คุยตลอดเวลาและต้องคุยมากยิ่งขึ้น เพื่อดูแลลูกหนี้ให้มากกว่านี้ ต้องทำให้ธนาคารทำมากกว่านี้ เช่น ดูแลคนกลุ่มเปราะบาง หรือคนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเงินกู้เป็นคนละกลุ่มกับเงินฝาก
ทั้งนี้ เรื่องกำไรธนาคารพาณิชย์ มองว่าเป็นกลไกตลาด ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมาการส่งผ่านดอกเบี้ยเงินฝากน้อย โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ แต่ปัจจุบันหลายธนาคารเริ่มขยับเงินฝากมากขึ้น ทั้งเงินฝากประจำและเงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัล โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ช่วง 9 เดือนอยู่ที่ 2.95% สูงขึ้นก่อนโควิด-19 แต่ยังไม่ได้สะท้อนค่าใช้จ่ายอีกหลายรายการในการประกอบธุรกิจ ทำให้ต้องเข้าไปดูว่ามีการไม่มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจหรือไม่ ซึ่งจะสามารถปรับลดส่วนต่างตรงนี้ได้หรือไม่
“ธปท.สนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์เก็บดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกค้า ซึ่งส่วนนี้ลูกค้าสามารถเปิดเผยข้อมูล เพื่อประกอบการพิจารณาสินเชื่อได้ รวมทั้งจะเร่งสร้างการแข่งขันให้มากขึ้น” นางสาวสุวรรณี กล่าว
นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวว่า ยืนยันว่า การทำงานของตลาดทุน ตราสารหนี้เอกชน ยังทำงานปกติ ส่วนเรื่องความเสี่ยงการชำระคืนจะครบกำหนด 1 ล้านล้านบาทในปีนี้ ส่วนใหญ่ครบกำหนดในไตรมาสแรก มองว่าปัญหาการไม่สามารถชำระคืนได้เป็นปัญหาเฉพาะรายเฉพาะบริษัท แต่มั่นใจไม่ขยายไประบบตลาดการเงิน และผลกระทบหุ้นกู้กลุ่มเสี่ยงต่อกองทุนรวมมีน้อยมาก
อย่างไรก็ดี ในส่วนของการพิจารณามาตรการ LTVในภาคอสังหาริมทรัพย์นั้น ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผู้กู้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ถ้าดูสถานการณ์จะเห็นว่าผู้กู้สัญญาแรกที่ต้องการบ้านหลังแรกจริง มาตรการดังกล่าวไม่ได้กระทบ ในทางกลับกันจะเป็นการส่งเสริมมากกว่า ขณะที่จำนวนการโอนกรรมสิทธิ์สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต สินเชื่อผู้ประกอบการปรับตัวดีขึ้น ภาพใหญ่คงต้องมาดู แต่การเห็นสภาพปัจจุบัน ความจำเป็นต้องดูความสมดุลต่าง ๆ ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ขุนคลัง’ ลั่นอยากเห็น ‘กนง.’หั่นดอกเบี้ยอีก0.25%
“ขุนคลัง” ลั่นอยากเห็น “กนง.” ลดดอกเบี้ยอีก 0.25% หวังให้สอดคล้องเงินเฟ้อต่ำ-ทิศทางดอกเบี้ยโลก พร้อมปัดเข็นชื่อ “กิตติรัตน์” นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ชง ครม. แจงยังมีเวลา!
เชิญชวนประชาชน ร่วมโครงการ 'คุณสู้ เราช่วย' เปิด 5 ขั้นตอนง่ายๆ ลงทะเบียน
รัฐบาล เชิญชวนประชาชน ร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” พร้อมเปิด 5 ขั้นตอนง่ายๆ เพื่อลงทะเบียน ฟื้นฟูคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประเทศ
'ธีระชัย' ไขปมคุณสมบัติ 'กิตติรัตน์'
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)