สทนช. แจงเหตุเร่ง อปท. เสนอแผนงานระบบ Thai Water Plan

สทนช. เผยการเร่งให้ อปท. เสนอแผนงานขอรับงบประมาณแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ เพื่อให้เป็นไปตามกรอบปฏิทินงบประมาณ และเป็นส่วนในการขอเพิ่มเติมหรือขอการปรับปรุงแผนงานเดิมเท่านั้น ย้ำไม่ได้มีเจตนาให้ อปท. ไม่สามารถดำเนินการได้ทันแต่อย่างใด พร้อมยืนยันการเสนอโครงการและงบประมาณผ่านระบบ Thai Water Plan จะช่วยให้ อปท. เสนอแผนงานได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ ไม่ได้ลดโอกาสแต่อย่างใด

31 ธ.ค. 2566 – นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยถึงกรณีที่ สทนช. ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศจัดทำคำขอตั้งเพื่อก่อสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็ก ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ในระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2567 ด้วยการเสนอโครงการและงบประมาณผ่านระบบ Thai Water Plan ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ทันต่อเวลานั้นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำเพิ่มเติม จากแผนปกติเพื่อให้ทุกหน่วยงานที่มีภารกิจด้านทรัพยากรน้ำ ทั้งในส่วนของหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำที่ตกหล่น หรือต้องการปรับปรุงแผนปฏิบัติการที่ได้เคยเสนอไว้แล้วตามขั้นตอนปกติให้ทันต่อกรอบปฏิทินงบประมาณ ดังนั้น สทนช. จึงมีความจำเป็นที่ต้องเร่งรัดการดำเนินงาน มิได้มีเจตนาให้ อปท. ไม่สามารถดำเนินการได้ทันแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ในปีนี้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้มีมติให้ สทนช. ดำเนินการเปิดระบบ Thai Water Plan เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่มีภารกิจด้านทรัพยากรน้ำทั้งในส่วนของหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำที่ตกหล่นเพิ่มเติม หรือต้องการปรับปรุงแผนปฏิบัติการที่ได้เคยเสนอไว้แล้วตามขั้นตอนปกติให้สามารถช่วยบรรเทาหรือแก้ไขปัญหาทั้งในส่วนของภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่ได้ทันต่อสถานการณ์ ซึ่ง สทนช. ได้มีการประสานกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว

โดยให้ทุกหน่วยงานสามารถเสนอแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำเพิ่มเติมได้ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา จนถึงวันที่ 2 มกราคม 2567 จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามขั้นตอน ก่อนนำเสนอ กนช. ให้ความเห็นชอบและจัดทำรายละเอียดคำของบประมาณส่งให้สำนักงบประมาณ ผ่านระบบ e-Budgeting ได้ทันภายในวันที่ 26 มกราคม 2567 ตามกรอบระยะเวลาในปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ต่อไป

ส่วนประเด็นของกรอบวงเงินงบประมาณ อปท. ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 29.5% นั้น สทนช. เห็นด้วยที่จะต้องเพิ่มเติมงบประมาณให้ อปท. ตามที่กำหนดไว้ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีแผนปฏิบัติการของ อปท. ที่ผ่านการพิจารณาตามขั้นตอนและ กนช. ให้ความเห็นชอบแล้ว จำนวน 13,457 รายการ งบประมาณ 31,424.17 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในขั้นการพิจารณาความเหมาะสมของงบประมาณ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณาตามกรอบที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) ได้กำหนดไว้ ซึ่งไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ สทนช.

สำหรับข้อห่วงกังวลในเรื่องของการที่ระบบ Thai Water Plan ใช้ระบบ AI ในการตรวจสอบความครบถ้วนสมบูรณ์ของเอกสาร ทำให้ลดโอกาสของ อปท. ที่จะได้รับการอนุมัติโครงการ หากมีข้อมูลที่ส่งเข้าไปคลาดเคลื่อน ไม่สมบูรณ์ หรือเพราะความเข้าใจผิดนั้น การจัดทำระบบ Thai Water Plan มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบฐานข้อมูล data platform มาใช้ในการรวบรวม ช่วยวิเคราะห์ และจัดทำแผนปฏิบัติการด้านน้ำของประเทศ โดยระบบ Thai Water Plan เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยในการอำนวยความสะดวกให้กับหน่วยงานและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง แต่การวิเคราะห์และกลั่นกรองแผนงาน/โครงการยังอยู่ในการพิจารณาของคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด คณะกรรมการลุ่มน้ำ และ กนช.

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สทนช. ได้มีการลงพื้นที่เพื่อสร้างการรับรู้ รวมถึงมีการฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติการการใช้งานระบบ Thai Water Plan ให้กับ อปท. ซึ่ง สทนช.ได้มีการประเมินจากข้อมูลการเสนอแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำประจำปีว่ามีโอกาสที่จะเข้าใจคลาดเคลื่อน หรือยังไม่มีความชำนาญ รวมถึงจากการที่มีการร้องขอจากทั้งในส่วนของ อปท. และจังหวัดให้ได้รับความรู้และมีการฝึกฝนการใช้ระบบ Thai Water Plan มาตั้งแต่เริ่มการใช้ระบบ Thai Water Plan ในปี พ.ศ. 2564 และปัจจุบันยังคงมีการฝึกอบรมมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงไม่เป็นความจริงที่ระบบ Thai Water Plan ใช้ระบบ AI ในการตรวจสอบความครบถ้วนสมบูรณ์ของเอกสาร ทำให้ลดโอกาสของ อปท. ที่จะได้รับการอนุมัติโครงการ หากมีข้อมูลที่ส่งเข้าไปคลาดเคลื่อน ไม่สมบูรณ์หรือเพราะความเข้าใจผิด ในทางตรงข้ามระบบ Thai Water Plan จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ อปท. เสนอแผนงานได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ และเป็นไปตามระเบียบการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ

สทนช. มีความเห็นว่า รายละเอียดงบประมาณโครงสร้างพื้นฐานด้านทรัพยากรน้ำมีเพียงเล็กน้อย และเมื่อเทียบกับสัดส่วนงบประมาณด้านทรัพยากรน้ำทั้งประเทศ มีเพียง 8% เท่านั้น ดังนั้น อปท. ควรได้รับการจัดสรรงบประมาณด้านทรัพยากรน้ำเพิ่มเติมมากขึ้น หรือปรับลดงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ มาดำเนินการด้านทรัพยากรน้ำแทน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อปัญหาในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที โดย อปท. มีภารกิจที่หลากหลาย และเป็นภารกิจรับโอนค่อนข้างมาก มีระเบียบ ขั้นตอน กฎหมาย ที่ทำให้ อปท. บางแห่งที่มีรายได้น้อย ไม่สามารถจัดทำภารกิจที่เป็นภารกิจถ่ายโอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำของ อปท. สามารถแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่ได้ เห็นควรให้มีการทบทวน แก้ไข และปรับปรุงวิธีการในการจัดทำงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับ อปท. ให้เหมาะสมในอนาคต

“ที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการกระจายอำนาจให้ อปท. โดยได้จัดสรรงบประมาณอุดหนุนโครงการด้านทรัพยากรน้ำตั้งแต่ปี 2561-2567 มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 มีจำนวน 2,647 โครงการ จำนวนเงิน 6,072.72 ล้านบาท ปี 2562 มีจำนวน 1,721 โครงการ จำนวนเงิน 3,793.21 ล้านบาท ปี 2563 มีจำนวน 1,610 โครงการ จำนวนเงิน 3,553.96 ล้านบาท ปี 2564 มีจำนวน 2,054 โครงการ จำนวนเงิน 4,664.14 ล้านบาท ปี 2565 มีจำนวน 2,092 โครงการ จำนวนเงิน 4,275.37 ล้านบาท ปี 2566 มีจำนวน 1,230 โครงการ จำนวนเงิน 3,141.54 ล้านบาท และปี 2567 (เสนอขอ) มีจำนวน 1,035 โครงการ จำนวนเงิน 2,723.87 ล้านบาท” เลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อีสานระทึก! ระดับน้ำโขงพุ่งพรวดเดียวเกือบเมตร เสี่ยงท่วมฉับพลัน

นครพนมลุ้นระทึกอีกครั้ง! ระดับน้ำโขงพรวดเดียวสูงขึ้นอีกเกือบเมตร ฝนกระหน่ำซ้ำทั้งคืน ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆ ลาวแจ้งด่วนเขื่อนจีนปล่อยน้ำ

'สทนช.' ห่วงชาวริมโขงหลังเหตุสารเคมีรั่วไหลที่ สปป.ลาว

สมศักดิ์ สั่ง สทนช. ติดตามสถานการณ์แม่น้ำโขงใกล้ชิด หลังเกิดอุบัติเหตุทำให้มีกรดซัลฟิวริกรั่วไหลลงสู่แม่น้ำคาน แม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขง โดยผลจากการตรวจวัดคุณภาพน้ำ ณ แก่งคุดคู้ อ.เชียงคาน จ.เลย ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ