สมาคมผู้ค้าปลีกไทยมั่นใจ 'ช้อปดีมีคืน' ทำเงินสะพัด 5 หมื่นล้าน

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย จุดติด “ช้อปดีมีคืน” ปี 2565 หลังพยายามผลักดันมาโดยตลอด ชี้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 3 หมื่น คาดกระตุ้นบริโภคในประเทศ พร้อมดันเงินสะพัด 4 – 5 หมื่นล้านบาท

23 ธ.ค. 2564 นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่รับฟังข้อเสนอของภาคเอกชน และให้ความสำคัญกับการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยอนุมัติให้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบในครั้งนี้ผ่านโครงการช้อปดีมีคืน เพื่อให้ประชาชนผู้เสียภาษีสามารถนำค่าใช้จ่ายสินค้าและบริการไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 3 หมื่นบาท ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่สมาคมฯ ได้ผลักดันมาโดยตลอด

ทั้งนี้ “ช้อปดีมีคืน” ที่จะเริ่มในต้นปี 2565 นี้ ถือเป็นการเริ่มต้นและเป็นกระสุนทางเศรษฐกิจนัดแรกในการอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยที่มีประสิทธิภาพ สามารถสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้คนได้ตรงจุด อีกทั้งโครงการดังกล่าวยังเป็นการส่งเสริมมาตรการท่องเที่ยวของรัฐให้เกิดประสิทธิผลยิ่งขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีเงินสะพัดเข้าไปในระบบเศรษฐกิจกว่า 4 – 5 หมื่นล้านบาท สมาคมฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลยังคงดำเนินโครงการนี้เพื่อเป็นกระสุนทางเศรษฐกิจนัดต่อๆ ไปในการสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนจากผู้ที่มีกำลังซื้อสูงเพื่อการฟื้นฟูของเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ

สำหรับรายละเอียดของโครงการช้อปดีมีคืน มีดังนี้ คือ 1.ระยะเวลาตั้งแต่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ของปี 2565 2.กลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สามารถลดหย่อนภาษีได้จำนวน 3.7 – 4.0 ล้านคนทั่วประเทศ คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการ 1.5 – 2.0 ล้านราย 3.วงเงินเป็น 30,000 บาท คาดการณ์เงินสะพัดรวมอยู่ที่ 4 – 5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ GDP เติบโตขึ้นถึง 0.15 %

ขณะเดียวกันในภาวะความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดของโอมิครอน ที่อาจมีการควบคุมการเปิดรับนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้ามาในประเทศ มาตรการช้อปดีมีคืนนี้ จะเป็นมาตรการสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีได้เป็นอย่างดี ช่วยเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและเร่งด่วน ทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือ กระตุ้นให้เกิดการใช้สอยในประเทศด้วยการสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย กิน – ใช้ของไทย และเที่ยวเมืองไทย เพื่อเป็นการช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทยให้กลับมาพลิกฟื้นได้โดยเร็ว อย่างไรก็ตาม การป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ทุกคนไม่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ทุกคนต้องยกระดับการป้องกันแบบ Universal Prevention ขั้นสูงสุด การ์ดต้องไม่ตก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เซ็นทรัล รีเทล โชว์รายได้ Q1 โกยรายได้ 6.7 หมื่นล้าน

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า “เซ็นทรัล รีเทล เปิดปีโตต่อเนื่อง ด้วยผลประกอบการในไตรมาสแรก

สงกรานต์ฟีเวอร์ปีนี้ คาดไทยเที่ยวไทยดันเงินสะพัด 4.7 หมื่นล้าน

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเดือนมีนาคม 2567 จำนวน 4,728 ตัวอย่าง ครอบคลุมประชาชนทุกอำเภอทั่วประเทศ เกี่ยวกับพฤติกรรมการเดินทางและการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้