22 ธ.ค. 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบและรับทราบมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจปี 2565 (มาตรการของขวัญปีใหม่ 2565) เพื่อเป็นการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4/2564 เริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้น สะท้อนจากดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ หลังจากรัฐบาลได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้ประชาชนและภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นและออกมาใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้คาดว่าในปี 2564 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ที่ 1% ส่วนปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากแรงเหวี่ยงของการใช้จ่ายที่ยังมีอยู่ ทำให้ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะขยายตัวได้ที่ระดับ 4% ซึ่งเป็นอัตราที่น่าพึงพอใจ โดยยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ทั้งนี้ ประเมินว่า มาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ประชาชน มาตรการลดภาระผู้ประกอบการ และมาตรการทางการเงิน จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.7% โดยจะเข้ามาช่วยขยับเศรษฐกิจในไตรมาส 1/2565
สำหรับโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 นั้น ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาระบบ รวมทั้งปรับปรุงรูปแบบที่เหมาะสมในการดำเนินโครงการในระยะต่อไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มโครงการใหม่ได้ในช่วงวันที่ 1 มี.ค. 30 เม.ย. 2565 ส่วนโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค. นี้ จะยังไม่มีการขยายระยะเวลาการสิ้นสุดโครงการออกไป
“สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงนโยบายการเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น โดยปัจจัยดังกล่าวล้วนช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมาก แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาคยังมีความแตกต่างกัน จึงยังมีความจำเป็นจะต้องดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง โดยคาดว่าโครงการคนละครึ่งรอบใหม่ จะเริ่มได้ในช่วงมี.ค.-เม.ย. 2565 ระหว่างนั้นเพื่อเป็นการเคลียร์ข้อมูลในระบบของโครงการทั้งในส่วนของประชาชนและร้านค้า รวมทั้งเป็นการเตรียมระบบการโอนเงินให้มีความคล่องตัวขึ้น ปรับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้สะดวกและเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น และในส่วนของผู้ที่อยู่ในโครงการเดิมอยู่แล้วอาจจะต้องมีการยืนยันตัวตนอีกครั้ง” นายอาคม กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เริ่มปรับตัวดีขึ้น ราคาพืชผลทางการเกษตรบางส่วนอยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลดีต่อกำลังซื้อในภาคชนบท ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและบริการรายได้เริ่มฟื้นกลับมา ทั้งหมดเป็นผลดีต่อการใช้จ่ายในประเทศให้เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นมาตรการภาครัฐในเรื่องการกระตุ้นต่าง ๆ ก็ต้องค่อย ๆ ลดลงไป การใช้มาตรการทางการคลังจะใช้ในเวลาที่มีความจำเป็นเท่านั้น จะใช้แบบตลอดไปคงไม่ได้ เมื่อรายได้ของประชาชนกลับมาเต็มอัตราแล้ว รัฐบาลก็ต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องของกลไกตลาด
“ยืนยันว่ารัฐบาลยังมีกระสุนเพียงพอในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เรายังมีเม็ดเงินเหลือจาก พ.ร.ก. กู้เงินโควิดเพิ่มเติม แต่เมื่อพิจารณากำลังซื้อของประชาชนที่เริ่มเพิ่มขึ้น บทบาทของรัฐในการอุดหนุนก็ต้องถอยลง คงไม่มีประเทศไหนที่จ่ายเงินเข้าไปกระตุ้นตลอดเวลา หรืออาจเปลี่ยนวิธีการกระตุ้นผ่านมาตรการทางภาษี ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพแทน” นายอาคม กล่าว
นายอาคม กล่าวอีกว่า ในส่วนของโครงการช้อปดีมีคืนนั้น คาดว่าจะมีประชาชนสนใจเข้าร่วมกว่า 1.4 ล้านราย รัฐจะสูญเสียรายได้ ประมาณ 6.2 พันล้านบาท คาดว่าจะมีมูลค่าการใช้สิทธิ 4.2 หมื่นล้านบาท และในสัปดาห์หน้ากระทรวงการคลังจะเสนอที่ประชุม ครม. พิจารณาโครงการลงทะเบียนเพื่อรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) รอบใหม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาหลักเกณฑ์ คาดว่าจะสามารถเปิดลงทะเบียนได้ภายในปี 2565
รมว.การคลัง กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมสรรพากรไปพิจารณาแนวทางการจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเดิมที่ได้มีการจัดเก็บภาษีดังกล่าวอยู่แล้วในอัตรา 0.1% ของรายรับ แต่ได้มีการยกเว้นการจัดเก็บดังกล่าวมาเป็นเวลากว่า 30 ปี ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่มีการกำหนดไว้แล้ว
“ภาษีจากการขายหุ้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เรายกเว้นให้มา 30 ปีแล้ว ตอนนี้ก็มานั่งดูว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง เพราะตลาดหุ้นทั่วโลกก็มีการเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้น เก็บจากอากรแสตมป์และ เก็บภาษีจากกำไร โดยได้มอบให้กรมสรรพากรไปดูว่าการจัดเก็บตรงนี้มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องยอมรับว่ามีความจำเป็น ส่วนหนึ่งในการช่วยเพิ่มฐานรายได้ให้ภาครัฐ ไม่ได้กำหนดว่ากรมสรรพากรจะทำการบ้านชิ้นนี้เสร็จเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ส่วนรายละเอียดว่าจะมีวงเงินสำหรับยกเว้นการจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นเท่าไหร่ จะมียกเว้นหรือไม่มียกเว้น ยังตอบไม่ได้ เพราะทุกอย่างยังอยู่ระหว่างการพิจารณา” นายอาคม กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เชิญชวนประชาชน ร่วมโครงการ 'คุณสู้ เราช่วย' เปิด 5 ขั้นตอนง่ายๆ ลงทะเบียน
รัฐบาล เชิญชวนประชาชน ร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” พร้อมเปิด 5 ขั้นตอนง่ายๆ เพื่อลงทะเบียน ฟื้นฟูคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประเทศ
ครม.เคาะแพ็กเกจใหญ่ช่วยเหลือ 'ลูกหนี้รายย่อย-เอสเอ็มอี'
ครม. อนุมัติชุดใหญ่! จัดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ผู้ประกอบการ SMEs มั่นใจเศรษฐกิจไทยฟื้นแน่
Virtual Bank ..ธนาคารในโลกดิจิทัล มุมมอง..ผ่านวิสัยทัศน์ 'ผยง ศรีวนิช'
ตั้งแต่กระทรวงการคลัง ประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Virtual Bank หรือ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 ..จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติ ศักยภาพ และความสามารถของผู้ขออนุญาต โดยคาดว่าจะสามารถประกาศรายชื่อได้ภายในช่วงกลางปี 2568 โดยผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถเปิดดำเนินธุรกิจได้ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ
นักเศรษฐศาสตร์ ฉีกหน้า ‘พิชัย’ ย้ำแนวคิดรื้อจัดเก็บภาษี ยิ่งเพิ่มความเหลื่อมล้ำมากขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์ฉีกหน้า”ขุนคลัง-พิชัย”ย้ำแนวคิดรื้อจัดเก็บภาษียิ่งเพิ่มความเหลื่อมล้ำมากขึ้นไม่ใช่ลดเตือนลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเสี่ยงเกิดวิกฤติการคลังคนสงสัยเอื้อประโยชน์คนในรัฐบาล-กลุ่มทุนใหญ่ แนะเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ในอัตราก้าวหน้าจะได้ผลกว่า
รัฐบาลชู บสย.เยียวยาเอสเอ็มอีใต้
'ศศิกานต์' เผย มาตรการ บสย. เยียวยาช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้ พักค่าธรรมเนียม-พักหนี้ 6 เดือน ช่วย SMEs ฟื้นฟูกิจการ