‘ซิโน-ไทย’ เดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ผุดตั้ง”สเตคอน กรุ๊ป” โชว์แผนแตกไลน์ธุรกิจ ‘พลังงาน-สาธารณูปโภค’หวังลดความเสี่ยงจากธุรกิจก่อสร้าง ตั้งเป้าหมาย 5-10 ปี กำไร 4,000 ล้านบาท และมาร์เก็ตแคปแตะ 1 แสนล้านบาท ปีหน้าลุยประมูลเมกะโปรเจกต์
14 ธ.ค. 2566 – นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ทั้งการปรับโครงสร้างการถือหุ้น และการจัดการของบริษัทฯ ด้วยการจัดตั้ง บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (บริษัทโฮลดิ้ง) ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหม่และรองรับแผนการเติบโตในอนาคตและเพื่อลดความเสี่ยงจากธุรกิจก่อสร้างที่ดำเนินการในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการยื่นขออนุมัติจากสำนักงาน (ก.ล.ต.) ราวเดือนกรกฏาคม 2567 หลังจากนั้นจะยื่นขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทฯ ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
ทั้งนี้แบ่งกลุ่มธุรกิจ ออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มธุรกิจหลัก คือกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 2.กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการให้บริการสาธารณูปโภคพื้นฐานและพลังงาน 3. กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่ง และ 4 กลุ่มธุรกิจอื่น ในรูปแบบจัดตั้งเป็นโอลดิ้งคัมปะนี โดยมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีความสามารถในการเติบโตสูง โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีกำไรเติบโตแตะระดับ 4,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายจะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแคป ในระดับ 1 แสนล้านบาท ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 1.24 หมื่นล้านบาท
สำหรับระยะเวลาในการปรับโครงสร้างเบื้องต้น ภายในเดือนธ.ค. 2566 จะเริ่มจัดตั้ง บมจ.สเตคอน กรุ๊ป (STECON Group) เพื่อทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ STEC จากผู้ถือหุ้นเดิม โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนการแลกเปลี่ยนกับหุ้นเดิม ในอัตราแลกหุ้น (Swap Ratio) ที่ 1ต่อ1 มีเงื่อนไขคือผู้ถือหุ้นต้องตอบรับคำเสนอซื้ออย่างน้อย 75% นี้คาดว่าการปรับโครงสร้างจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2567
“ยอมรับว่าการปรับโครงสร้างฯ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีปัจจัยภายนอกกระทบค่อนข้างมาก ทั้งงบประมาณภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชน และปัญหาเรื่องการควบคุมต้นทุน ทำให้มองว่ามูลค่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะทรงตัวไม่เติบโตไปมากกว่านี้ ทั้งนี้ความเสี่ยงของต้นทุนการก่อสร้าง ประกอบด้วยค่าแรง ต้นทุนค่าวัสดุ รวมทั้งเสถียรภาพและนโยบายของรัฐบาล”นายภาคภูมิ กล่าว
นายภาคภูมิ กล่าวว่าแผนการดำเนินงานในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างราว 30,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้ธุรกิจใหม่คาดว่าจะยังไม่มากนัก คาดหวังได้งานประมูลใหม่ราว 40,000-50,000 ล้านบาท จากปัจจุบันซึ่งมีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่าแสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับระยะเวลาเริ่มประมูลงานใหม่ของภาครัฐ โดยสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลในโครงการรถไฟทางคู่ขอนแก่น – หนองคาย ,รถไฟทางคู่จิระ – อุบล มรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย , รถไฟฟ้าโมโนเรล สายสีน้ำตาลและสายสีเทา, โครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ,โครงการมอเตอร์เวย์ และโครงการทางพิเศษฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ซิโน-ไทย' ท้ามีข้อมูลทุจริตสร้างรัฐสภา ร้อง ปปช. สอบได้ ยันน้ำรั่วซึมไม่กระทบโครงสร้าง
"บมจ.ซิโน-ไทย" แจงก่อสร้างอาคารัฐสภา ย้ำทำตามสัญญา ไม่มีทุจริต-ไม่โกงบ้านโกงเมือง ไม่รู้คนพูดเอาข้อมูลมาจากไหน ยันปลอดการเมือง ท้ามีข้อมูลทุจริตร้อง "ป.ป.ช." สอบได้ ยันเสาน้ำซึมไม่กระทบโครงสร้างอาคาร
"ซิโน-ไทย"แจงปมสร้างสภาปฏิบัติตามขั้นตอนตรวจสอบได้ขอฝ่ายการเมืองหยุดข่มขู่กรรมการตรวจงาน
รัฐสภา - จากกรณีที่ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ และนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวในเชิงกล่าวหาว่ามีการทุจริตในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาเกียกกาย ล่าสุด 17 ตุลาคม 2565
"แพ้ไม่ว่า แต่อย่ามากล่าวหาว่าขาดคุณสมบัติ" ! "ซิโน-ไทย" ฮึดสู้กู้ศักดิ์ศรี ปม ถูกจับแพ้ฟาล์วสุดงง ปมประมูลงานขยายโรงประปามหาสวัสดิ์
วามคืบหน้า เรื่องฉาว กรณีการประมูลโครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างขยายกำลังการผลิตน้ำที่โรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ฯ มูลค่าราคากลาง 6,526.97 ล้านบาท
'วัชระ' เฮ! ศาลยกฟ้องคดี 'ซิโน-ไทย' ฟ้องหมิ่น ปมยืดสัญญาสร้างสภาใหม่
'วัชระ' ขอบคุณ ศาลยกฟ้องคดีซิโน-ไทย ฟ้องหมิ่นเรียก 5 ล้าน ปมตั้งคำถามบริษัทมีมาตรฐานหรือไม่ เหตุขอขยายเวลาก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ถึง 4 ครั้ง 1,864 วัน