14 ธ.ค. 2566 – กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดพิธีร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การแก้ปัญหาการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE) ซึ่งเป็นการบูรณาการความร่วมมือกันของ 6 หน่วยงาน ได้แก่ กรมการท่องเที่ยว สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยได้รับเกียรติจาก นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานและสักขีพยาน ณ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ
นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอันมาก ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แต่ท่ามกลางความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ก็เป็นจุดดึงดูดให้บุคคลที่ไม่ใช่คนไทย เข้ามาแอบแฝงประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง หรือเรียกว่า นอมินี (NOMINEE) ซึ่งปัจจุบันในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ยังพบการกระทำที่ผิดกฎหมายของผู้ประกอบการหรือผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆ มีการแย่งชิงนักท่องเที่ยวระหว่างผู้ประกอบการด้วยกันเอง เกิดกับดักการตั้งราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ผู้ประกอบการขาดสภาพคล่องและไม่สามารถดำเนินการตามที่ตกลงไว้กับนักท่องเที่ยวได้ ซึ่งเป็นต้นเหตุของสภาพปัญหาต่างๆ ตามมา เนื่องจากผู้ประกอบการต้องหารายได้จากทางอื่นมาทดแทน เช่น ปัญหาการบังคับให้ซื้อสินค้าที่ระลึก หรือบังคับให้จำเป็นต้องซื้อรายการนำเที่ยวเสริม (Optional Tour) ที่ราคาสูงเกินจริง และปัญหาอื่นๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นอย่างมาก
ด้าน นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวถึงขอบเขตความร่วมมือของกรมการท่องเที่ยวในครั้งนี้ว่า กรมการท่องเที่ยวจะดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE) ใช้ชื่อย่อว่า “ศปต.” ซึ่งตั้งอยู่ที่กรมการท่องเที่ยว และจะจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน ภายใต้กรอบความร่วมมือ 4 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านการจดทะเบียนและการอนุญาตประกอบธุรกิจ 2. ด้านการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูล 3. ด้านการกำกับดูแลและป้องปราม และ 4. ด้านการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพของผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน สำหรับแนวทางการตรวจสอบธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่เข้าข่ายมีนอมินี ในเบื้องต้นจะเน้นการตรวจสอบบริษัทที่มีความเสี่ยง เช่น มีผู้ถือหุ้นเป็นต่างชาติ ซึ่งต้องตรวจสอบว่าถือหุ้นไม่เกินสัดส่วนที่กำหนด 49.99% หรือไม่ ถ้าไม่เกินต้องดูต่อไปอีกว่ามีอำนาจการบริหารจัดการภายในบริษัท และมีสิทธิในการออกเสียงมากกว่าผู้ถือหุ้นคนไทยที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 51% หรือไม่ ถ้ามีมากกว่าก็อาจเข้าข่ายเป็นนอมินี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รบ.เปิดตัวเลขนักท่องเที่ยว 11 เดือนปี 67 เข้าไทยทะลุ 32 ล้านคน
รบ.เปิดตัวเลขนักท่องเที่ยว 11 เดือน เข้าไทยทะลุ 32 ล้านคนแล้ว จีนยังครองอันดับ 1 ส่วนชาวมาเลฯชื่นชอบเที่ยวไทยมากกว่า 4.6 ล้านคน
ครม. อนุมัติให้ลงนาม MOU ตั้ง คกก.JTC-ร่างแผนร่วมมือทางเศรษฐกิจ ไทย-อียิปต์
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC)
ฝากถาม ‘บิ๊กอ้วน’ ถ้าเรือท่องเที่ยวเขมร ชูแผนที่MOU จอดเกาะกูดเอาคนมาเล่นน้ำ จะให้ทหารเรือปฏิบัติอย่างไร
ฝากทหารเรือถาม รมต.กลาโหม กรณีถ้าเรือท่องเที่ยวปักธงเขมร ชูแผนที่ MOU4 ที่มีลายเซ็นฝ่ายไทยเซ็นกำกับรับรอง
เปิดเรื่องลับทำไมยุค 3 ป. เจรจากับกัมพูชาตามกรอบ MOU 44 เพียงครั้งเดียวแล้วเลิกคุย
นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ เรื่องลับจาก 3 ป. มีเนื้อหาดังนี้
แต่งตั้ง 'คิปโชเก้' นักวิ่งระดับโลก เป็นทูตท่องเที่ยว ประเดิมงานวิ่งมาราธอนแบงค็อก 2024
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เร่งดันไทยให้เป็น Top of Mind ในสนามมาราธอนโลก ประเดิมด้วยงาน Amazing Thailand Marathon Bangkok 2024