พาณิชย์ปรับปรุงกฎระเบียบหวังขยายตลาดส่งออกกาแฟไทยไปทั่วโลกมากขึ้น

กรมการค้าต่างประเทศ ปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการกำกับดูแลการส่งออกสินค้ากาแฟแทนฉบับเดิมที่บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2551 เพื่อสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมกาแฟไทย ในการขยายตลาดส่งออกกาแฟที่ผลิตจากเมล็ดกาแฟดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศ ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถศึกษากฎระเบียบฉบับใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการส่งออก

4 ธ.ค. 2566 – นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศได้ปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการกำกับดูแลการส่งออกสินค้ากาแฟให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับการเติบโตของตลาดกาแฟโลก รวม 4 ฉบับ ได้แก่ (1) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้กาแฟเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตและมีหนังสือรับรองในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. 2566 (2) ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการขออนุญาตส่งกาแฟออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. 2566 (3) ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง การออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าตามข้อบังคับขององค์การกาแฟระหว่างประเทศ พ.ศ. 2566 และ (4) ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกกาแฟเพื่อการขออนุญาตส่งออก พ.ศ. 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถขยายตลาดส่งออกเมล็ดกาแฟคั่วทั้งที่ผลิตจากเมล็ดกาแฟดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศ หรือที่ผสมกับเมล็ดกาแฟดิบในประเทศได้ โดยกฎระเบียบข้างต้นมีสาระสำคัญ คือ

1.กำหนดให้กาแฟเป็นสินค้าที่ต้องมีใบอนุญาตและหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าตามข้อบังคับขององค์การกาแฟระหว่างประเทศ (International Coffee Organization : ICO) ในการส่งออก

2.กำหนดหลักเกณฑ์ในการขออนุญาตส่งออกกาแฟ โดยกาแฟในประเทศสามารถส่งออกได้ไม่จำกัดปริมาณ สำหรับกาแฟที่ผลิตจากเมล็ดกาแฟดิบนำเข้าจากต่างประเทศหรือที่ผสมกับเมล็ดกาแฟดิบในประเทศ สามารถส่งออกเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟและเมล็ดกาแฟคั่วได้ไม่เกินปริมาณเมล็ดกาแฟดิบที่นำเข้าและที่รับซื้อภายในประเทศ

3.กำหนดวิธีการในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าให้เป็นไปตามข้อบังคับของ ICO

กำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกกาแฟรายปี

ทั้งนี้ กฎระเบียบทั้ง 4 ฉบับ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป โดยกรมฯ มั่นใจว่าการปรับปรุงกฎระเบียบข้างต้นจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกกาแฟให้กับผู้ประกอบการไทย รวมทั้งช่วยผลักดันให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟและเมล็ดกาแฟคั่วของภาคอุตสาหกรรมให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณและมูลค่าการส่งออกกาแฟของไทย รวมถึงเกษตรกรผู้เพาะปลูกกาแฟที่จะได้รับประโยชน์อีกด้วย

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก ตลอดจนเพื่อให้การส่งออกกาแฟของผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง กรมฯ ได้กำหนดให้ผู้ประกอบการรายเดิมที่ขึ้นทะเบียนไว้ตั้งแต่ปี 2551 ยังคงมีสถานะเป็นผู้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนต่อไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่สามารถสมัครบัญชีผู้ใช้งานพร้อมทั้งขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกกาแฟ ก่อนดำเนินการขอใบอนุญาตส่งออกได้ผ่านระบบบริการออกหนังสือสำคัญการส่งออกนำเข้าสินค้า (DFT SMART – I) ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ DFT Call Center โทร 1385 หรือกองบริหารสินค้าข้อตกลงและมาตรการการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร 0 2547 4734

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลยันผู้ปลูกมันสำปะหลังไม่ถูกกดราคาแน่

รัฐบาลให้ความเชื่อมั่นผู้ปลูกมันสำปะหลัง เตือนพ่อค้ากดราคา โทษจำคุกสูงสุด 7 ปี จัดสายตรวจเฉพาะกิจ ลงพื้นที่ตรวจสอบการซื้อขายมันฯ ในแหล่งเพาะปลูกทั่วประเทศ รับฤดูเก็บเกี่ยวที่จะเริ่ม ธ.ค.นี้

‘พาณิชย์’ ชวนคนหาดใหญ่ สงขลา และจังหวัดใกล้เคียงแวะไป ชม ชิม ชอป ในงานแฟรนไชส์สร้างอาชีพ Roadshow 2024 ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 14 -18 พย.นี้ ที่เซ็นทรัลหาดใหญ่

ตามที่รัฐบาลมีนโยบายดำเนินโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ "ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส" ให้ผู้ประกอบการ และประชาชนกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องการกระตุ้นและสนับสนุนประชาชนในทุกมิติ เน้น 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การลดต้นทุน การเพิ่มพื้นที่ค้าขายให้ผู้ประกอบการรายเล็ก และ

พาณิชย์ จับมือ ตำรวจภูธรภาค 8 สร้างเครือข่ายป้องปรามลานเทแยกลูกปาล์มร่วงผิดธรรมชาติ เพื่อรักษาคุณภาพผลปาล์ม ยกระดับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม

กระทรวงพาณิชย์ สร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อรักษาคุณภาพผลปาล์มให้เกษตรกรขายได้ราคา โดยร่วมมือกับ ตำรวจภูธรภาค 8 ส่งเสริมการทำปาล์มคุณภาพ จัดอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เกี่ยวกับแนวทางการสืบสวนสอบสวนการกระทำความผิดตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่องมือ