'พาณิชย์' หารือบังกลาเทศ ชงเดินหน้าทำ FTA

“รองปลัดพาณิชย์” ต้อนรับรองปลัดพาณิชย์ บังกลาเทศ และคณะนักธุรกิจจากสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมบังกลาเทศ–ไทย หารือยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน ไทยชงเดินหน้าทำ FTA ระหว่างกันโดยเร็ว

1 ธ.ค. 2566 – นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับ Mr. Md. Abdur Rahim Khan (นายโมฮัมเหม็ด อับดุล ราฮิม ข่าน) รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศณ ห้องกิติยากรวรลักษณ์ สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่า กระทรวงพาณิชย์มีความยินดีที่ได้ให้การต้อนรับรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ บังกลาเทศ และคณะผู้แทนสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมบังกลาเทศ–ไทย (BTCCI) ในโอกาสที่เดินทางเยือนประเทศไทย และได้ใช้โอกาสนี้หารือการต่อยอดความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-บังกลาเทศ โดยเฉพาะการการจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-บังกลาเทศ การประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-บังกลาเทศ ครั้งที่ 6 ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2567 และแนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนของสองประเทศ เป็นต้น

“ได้แจ้งกับทางบังกลาเทศไปว่า แม้รัฐบาลไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเข้ามารับหน้าที่บริหารประเทศ แต่มีความชัดเจนในเรื่องนโยบายด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน โดยรัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับการสร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยมีนโยบายที่สำคัญ ได้แก่ การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก การเร่งเจรจา FTA การเพิ่มความน่าสนใจของไทยในฐานะ Hub ของอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง และอุตสาหกรรมเพื่อความยั่งยืน และเห็นว่า ไทยและบังกลาเทศมีศักยภาพที่จะขยายมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกันอีกมาก ทั้งสองฝ่ายจึงควรแสวงหาแนวทางส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลง FTA ไทย-บังกลาเทศให้ได้โดยเร็ว”นายเอกฉัตร กล่าว

ทั้งนี้ ไทยได้ยืนยันว่า การจัดทำ FTA ไทย–บังกลาเทศ จะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขยายมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งที่ผ่านมา ไทยได้จัดทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลง FTA ไทย-บังกลาเทศ ตามผลลัพธ์การประชุม JTC ไทย-บังกลาเทศ ครั้งที่ 4 เมื่อปี 2560 และได้รายงานผลการศึกษาเบื้องต้นให้บังกลาเทศทราบในการประชุม JTC ไทย-บังกลาเทศ ครั้งที่ 5 เมื่อปี 2563 แล้ว และได้ขอทราบความคืบหน้าการดำเนินการจัดทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลง FTA กับไทย (Feasibility Study)

ส่วนการประชุม JTC ไทย–บังกลาเทศ ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 3-4 มีนาคม 2567 ณ กรุงธากา กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาเข้าร่วมการประชุมในช่วงเวลาดังกล่าว และจะแจ้งผลให้บังกลาเทศทราบต่อไป โดยไทยเห็นว่า การประชุม JTC ไทย-บังกลาเทศ เป็นกลไกหารือ

ด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยและบังกลาเทศที่สำคัญระหว่างสองประเทศ และการประชุม JTC ไทย-บังกลาเทศ ครั้งที่ 6 จะเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองฝ่ายจะติดตามและแสวงหาแนวทางในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ ระหว่างกัน ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลง FTA ไทย-บังกลาเทศ

นายเอกฉัตรกล่าวว่า ไทยได้ยืนยันว่าให้ความสำคัญกับตลาดบังกลาเทศ โดยในปี 2567 มีแผนที่จะร่วมมือกับบังกลาเทศในการขยายการค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น การนำคณะนักธุรกิจบังกลาเทศจาก BTCCI เข้าร่วมกิจกรรมนัดหมายเจรจาการค้า และลงพื้นที่ศึกษาดูงานในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน–2 ธันวาคม 2566

โดยคาดหวังว่าจะช่วยต่อยอดการค้าระหว่างกันได้เพิ่มขึ้น และการจัดโครงการ Top Thai Brands 2024
ณ กรุงธากา ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2567 และงานแสดงสินค้าในไทย เช่น Bangkok Gems & Jewelry Fair, THAIFEX – HOREC ASIA, STYLE Bangkok, THAIFEX – ANUGA ASIA, TILOG – Logistix และ Bangkok RHVAC and Bangkok E&E ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่กุมภาพันธ์–กันยายน 2567 ซึ่งได้เชิญชวนให้ผู้ประกอบการบังกลาเทศเข้าร่วม และช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้ซื้อ ผู้นำเข้ามาร่วมงานด้วย

ในปี 2565 การค้าระหว่างไทย-บังกลาเทศ มีมูลค่า 1,254.09 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2.5% จากปี 2564 แบ่งเป็นการส่งออกของไทยไปยังบังกลาเทศ 1,170.95 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.95% และการนำเข้าของไทยจากบังกลาเทศมูลค่า 83.14 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 53.00% และในช่วง 10 เดือนของปี 2566 การค้าระหว่างกันมีมูลค่า 880.37 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 19.16% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 แบ่งเป็นการส่งออกของไทยไปบังกลาเทศมูลค่า 799.42 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 21.63% และการนำเข้าของไทยจากบังกลาเทศมูลค่า 80.95 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.37%

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ไทยได้ดำเนินโครงการให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุดโดยการยกเลิกภาษีนำเข้าและการจำกัดปริมาณนำเข้า ระยะที่ 2 (โครงการ DFQF) ตั้งแต่ปี 2564 และบังกลาเทศเป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าวของไทย โดยปี 2565 บังกลาเทศใช้สิทธิพิเศษภายใต้โครงการ DFQF ในการส่งออกสินค้ามายังไทยมูลค่า 379,297 ดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมสินค้า อาทิ เมล็ดงา ภาชนะที่ใช้ในครัวเรือนที่ทำด้วยพลาสติก และเชือกที่ทำจากปอกระเจา เป็นต้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘สุชาติ’ แนะเกษตรกร/ผู้ประกอบการโคนม นำนวัตกรรม และดูแลสิ่งแวดล้อม เพิ่มมูลค่า พร้อมศึกษาประโยชน์จาก FTA ขยายตลาดส่งออก

รมช.พณ. สุชาติฯ ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการนมโคแปรรูป ในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เกษตรและผู้ประกอบการเร่งใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายตลาดส่งออก และเตรียมความพร้อมกลุ่มเป้าหมายเข้าสู่การเปิดเสรีสินค้านมและผลิตภัณฑ์ ภายใต้ FTA ไทย-ออสเตรเลีย และ FTA ไทย-นิวซีแลนด์ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568

นายกฯลุ้น FTA อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ฉบับอัพเกรด เพิ่มมูลค่าการค้า

นายกฯ หวัง ยกระดับการค้าระหว่างประเทศ เชื่อมั่น FTA อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ฉบับอัพเกรดจะเสริมสร้างการใช้ประโยชน์ทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิกได้เต็มที่

‘สุชาติ’ มอบนโยบาย ‘กรมเจรจาฯ’ เร่งดันผู้ประกอบการไทยใช้ประโยชน์ FTA ลุยเจรจาปิดดีลกับคู่ค้า หนุนตั้งกองทุน FTA ช่วยผู้ได้รับผลกระทบ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังประชุมมอบนโยบายกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษาและคณะทำงาน ว่า

พณ. หนุน SME ใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าจาก FTA

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ลุยต่อจัดสัมมนา โครงการส่งเสริม SME ให้แข่งขันได้ในตลาดสากล จัดขบวนทัพนักวิชาการ นักธุรกิจแบรนด์ชื่อดัง ส่งเสริมความรู้ด้านสิทธิประโยชน์ทางการค้าจาก FTA แบบครบวงจร

'ไทย-ภูฏาน' ตั้งเป้า FTA ปี 2568 มูลค่า 120 ล้านดอลลาร์

โฆษกรัฐบาลเผยไทย-ภูฏาน เดินหน้าเจรจาการค้าเสรี แลกเปลี่ยนสิทธิประโยชน์การค้าการลงทุนระหว่างกัน ดันมูลค่าการค้าสู่เป้าหมาย 120 ล้านดอลลาร์ ภายปี 2568

DITP แนะเทรนด์แฟชั่นสิงคโปร์ ปี 67 ก่อนวางแผนผลิตสินค้าส่งออกไปขาย

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยเทรนด์แฟชั่นสิงคโปร์ ปี 67 ผู้บริโภคสนใจสินค้าทำจากวัสดุเหลือใช้ แนวสตรีท สินค้าไม่ระบุเพศ ผ้าโปร่งสีขาว กางเกงยีนส์เอาต่ำ-สูง ผ้าลายดอก กระเป๋าทำจากวัสดุรีไซเคิล แนะผู้ส่งออกไทยศึกษาและวางแผนผลิตสินค้าไปขาย