ส.อ.ท. หวั่นปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำกระทบต้นทุนผลิต กดดันราคาสินค้า-เงินเฟ้อสูงแนะรัฐปรับค่าจ้างขั้นต่ำตามทักษะฝีมือ
30 พ.ย. 2566 – นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าผลการสำรวจโพลส.อ.ท. ครั้งที่ 35 ในเดือนพ.ย.2566 ภายใต้หัวข้อ “ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอย่างไรให้ลูกจ้างและนายจ้างอยู่รอด” พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. 66.7% มีความกังวลถึงกรณีที่หากภาครัฐมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหม่ในอัตราที่สูงเกินไป จะสร้างแรงกดดันต่อต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ทำให้ต้องมีการปรับขึ้นราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ
ส่วนผู้ประกอบการ 63.6% กังวลว่าการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราที่สูงเกินไป จะต้องแบกรับภาระในการปรับขึ้นค่าจ้างให้กับแรงงานเดิมตามฐานอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ผู้ประกอบการอีก 57.9% กังวลว่าจะกดดันขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลกลดลง
ทั้งนี้ ผลจากผลสำรวจยังพบว่าภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ 33% มีต้นทุนแรงงานอยู่ที่ 11-20% รองลงมามีผู้บริหารส.อ.ท. 25.3% มีต้นทุนแรงงาน 21-30% ส่วนผู้บริหาร 17.6% มีต้นทุนแรงงาน 31-40% และผู้บริหาร 12.6% มีต้นทุนแรงงานมากกว่า 40% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด
ดังนั้น ผู้บริหาร ส.อ.ท. 45.3% จึงเสนอให้ภาครัฐพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหม่ โดยยึดหลักการจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะฝีมือ (Pay by Skill) เพื่อจูงใจให้เกิดการพัฒนาทักษะแรงงาน ส่วนผู้บริหาร ส.อ.ท. 35.6% เสนอให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำตามสภาพเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัด โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด และผู้บริหาร 17.2% มีความเห็นให้ชะลอการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำออกไปก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม ควรมีมาตรการส่งเสริมกลไกการจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะฝีมือ โดยเฉพาะการเร่งรัดให้มีการกำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ครบทุกสาขาอาชีพ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายในการส่งพนักงานเข้าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า
นอกจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหม่แล้ว ผู้บริหาร ส.อ.ท. เห็นว่า ภาครัฐควรจะต้องแก้ไขปัญหาปากท้องของแรงงานในระยะยาวควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะการดูแลลดค่าครองชีพให้กับประชาชน เช่น ลดค่าโดยสารสาธารณะ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า เป็นต้น รวมทั้งมีการกำกับดูแลการปรับขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและควบคุมให้มีการปรับราคาสินค้าขึ้น-ลงตามต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งจะทำให้แรงงานมีเงินเหลือใช้จ่ายมากขึ้นและยังช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับตลาดอีกทางหนึ่งด้วย
“ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่มองว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า ภาคอุตสาหกรรมยังมีความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาการใช้แรงงานในภาคการผลิตอยู่ แต่จะเริ่มมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยการนำเครื่องจักรมาใช้ทดแทนการใช้แรงงานคนมากขึ้น ในอัตราส่วนไม่เกิน 20% ของการใช้แรงงานคนปัจจุบัน”นายมนตรี กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส.อ.ท.โอดดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ลดต่ำอีกระลอก
ส.อ.ท.โอดดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ลดต่ำอีกระลอก งวดพ.ค. อยู่ที่ระดับ 88.5 รับอานิสงส์เศรษฐกิจไทยยังผันผวน กำลังซื้อเปราะบางจากหนี้ครัวเรือน-หนี้เสีย ผนวกราคาน้ำมันแพงดันต้นทุนสูง คาดการณ์ไตรมาสหน้าไม่ฟื้นหวังรัฐเข้าช่วย ผุดมาตรการลดผลกระทบจากราคาพลังงาน
ดีเดย์! 1 พ.ค. ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ-เงินบำนาญขั้นต่ำ
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (28 พฤศจิกายน 2566)
มพช. แจงปมของบ ส.อ.ท. ทำวิจัย
ดร.สุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานคณะกรรมการมูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน (มพช.) พร้อมด้วยคุณพรอรัญ สุวรรณพลาย กรรมการและเหรัญญิก มพช.
เอกชนวอนรัฐ ตรึงราคาน้ามัน ชงลดดอกเบี้ย
ส.อ.ท.โอดหนี้ครัวเรือนฉุดดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ปรับตัวลดลง ปัจจัยต่างประเทศยังซ้ำ
'อัลฟ่าเซค' จับมือ 'ส.อ.ท.' ทำระบบมาตรฐานความปลอดภัยสารสนเทศของงาน Made in Thailand
อัลฟ่าเซค ร่วมมอบ “ใบรับรองระบบมาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ISO27001:2022” ให้กับ ส.อ.ท. ในฐานะที่ปรึกษาด้านความมั่นคงปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการ MiT และเตรียมรับมือกับ ภูมิทัศน์ไซเบอร์ในปี 2567