รัฐบาลเร่งปรับปรุงกฎหมาย 4 ด้านอำนวยความสะดวกการประกอบธุรกิจ

'ธงทอง' เผยรัฐบาลผลักดันปรับปรุงกฎหมายสำคัญ 4 ด้าน อำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ

29 พ.ย.2566 - นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจ แถลงว่า การอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ ที่เป็นข้อจำกัดอุปสรรค จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจขึ้น ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นว่าจะต้องพิจารณาประเด็นสำคัญที่จะนำมาปรับปรุงกฎหมายก่อน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง และเกิดผลในทางปฏิบัติได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นสำหรับการปรับปรุงกฎหมายจากภาคเอกชนและภาคส่วนต่าง ๆ คณะกรรมการฯ ได้กำหนดประเด็นสำคัญ 4 ด้านในการปรับปรุงกฎหมายระยะแรก ซึ่งเป็นประเด็นที่ตอบโจทย์ตามนโยบายรัฐบาล การสร้างความเชื่อมั่นทางธุรกิจและสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันในระดับนานาชาติ โดยมีคณะอนุกรรมการ 4 คณะ รับผิดชอบในแต่ละประเด็น ประกอบด้วย 1.ด้านการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ในบริบทที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตทำงาน การรายงานตัว รวมทั้งการยกเว้นใช้แบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (ตม.6)ให้ครอบคลุมถึงพาหนะทางบกและทางเรือ การดำเนินการที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือการเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรและการทำงานของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ โดยมีนายกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ เป็นประธานอนุกรรมการ

นายธงทองกล่าวต่อว่า 2.ด้านการพัฒนาระบบการอนุญาตหลัก (Super License) เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขอรับอนุญาตในประเภทธุรกิจที่มีความสนใจในการลงทุนประกอบธุรกิจแต่มีใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ให้สามารถใช้ใบอนุญาตหลักเพียงใบเดียวประกอบธุรกิจได้ โดยจะเร่งดำเนินการใน 3 เรื่อง ได้แก่ การประกอบกิจการร้านอาหาร, การประกอบธุรกิจที่พักขนาดเล็ก ที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและยกระดับเศรษฐกิจชุมชนด้วย และการขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยมี น.ส.เพียงพนอ บุญกล่ำ เป็นประธานอนุกรรมการ 3.ด้านการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออกสินค้าเพื่อลดข้อจำกัดและระยะเวลาของผู้ประกอบการ เช่น การลดการเปิดตรวจสินค้าถ่ายลำ (Transhipment) ซึ่งจะต้องพิจารณาถึงกฎหมายศุลกากรและกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามประเภทของสินค้านั้น และการขออนุญาตนำสินค้าเข้า-ออกเพื่อการแสดงสินค้าและนิทรรศการ (MICE) โดยจะช่วยดึงดูดให้มีการนำเข้าส่งออกสินค้าผ่านประเทศไทยจำนวนมากขึ้น โดยมีนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ เป็นประธานอนุกรรมการ

นายธงทองกล่าวว่า 4.ด้านการผลักดันพลังงานสะอาด (Clean Energy) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน โดยจะพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคประชาชน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของแผนพลังงานชาติ และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก โดยมีนายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา เป็นประธานอนุกรรมการ ทั้งนี้ ได้รายงานนายกรัฐมนตรีทราบเมื่อวันศุกร์ที่ 24 พ.ย.2566 และได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยขอให้รายงานความคืบหน้าทุกรอบ 60 วัน หากมีอุปสรรคขัดข้องอย่างไร ให้รายงานนายกรัฐมนตรีสั่งการด้วย อย่างไรก็ตาม ตนมีกำหนดหารือร่วมกับหอการค้าสหภาพยุโรปในประเทศไทย และหอการค้าอเมริกันในประเทศไทยในเร็ววันนี้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ณัฐวุฒิ' เชื่อจะมีนักร้องใช้กฎหมายไม่เคารพประชาชน ยื่นสอบ 'ทักษิณ' ปราศัยที่อุดรฯ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า พอมีข่าวอดีตนายกฯทักษิณเตรียมขึ้นเวทีปราศรัยที่อุดรธานี

สุดยอดนางแบก ป้อง 'เสี่ยเต้น' เสียคำพูดเป็นเรื่องปกติ สถานการณ์เปลี่ยน ทำไมจะเปลี่ยนไม่ได้

นางสาวลักขณา ปันวิชัย หรือ คำผกา หรือ แขก กองเชียร์พรรคเพื่อไทย และพิธีกรชื่อดัง โพสต์ข้อความใน X Kam Phaka @kamphaka ระบุว่า

ตั้งคนตระบัดสัตย์ข้ามขั้วซ้ำสอง ยอมกลืนน้ำลายบูด ช่วยนายกฯรอดวิบากกรรมไม่ได้

'จตุพร' เย้ย นายกฯ ตั้ง 'ณัฐวุฒิ' เป็นที่ปรึกษา ตระบัดสัตย์ข้ามขั้วซ้ำสอง อ้างต้องคิดใหม่ยอมกลืนเลือดน่าจะเป็นน้ำลายเน่าบูดมากกว่า ฟันธงช่วยอะไรไม่ได้ เปลี่ยนวิบากกรรมสนามกอล์ฟอัลไพน์ไม่ได้ ขัดจริยธรรม เหมือนคดีเศรษฐา ย้ำ ปชช.ลงถนนอยู่กับเงื่อนไขขายชาติ ขายแผ่นดิน สิ้นชอบธรรม

ล่อนจ้อน 'จตุพร' สาปแช่งคนเลวอม 42 ล้าน จี้ 'ณัฐวุฒิ' คนดูแลเงินบริจาคม็อบชี้แจง

'จตุพร' สาปแช่งคนเลวอมเงินบริจาคขอให้ฉิบหาย เปิดชื่อ 'ณัฐวุฒิ' ดูแลเงินม็อบปี 52-53 บี้รีบแถลงอธิบายให้สิ้นกังขาเพื่อหยุดปลุกปั่นคนอม 42 ล้าน ระบุไม่เคยยุ่งเงินม็อบ ชี้เลิกชุมนุมไม่เคยมีรายงานให้รับรู้ใช้จ่ายอะไร ลั่นให้เวลาติ่งเพื่อไทยลบโพสต์ 7 วัน ถ้าเมินเฉยเจอฟ้อง ถึงเป็นร้อยเป็นพันคดีก็จะฟ้อง