OR ยันหนุนนโยบายรัฐดูแลค่าการตลาด 2 บาทต่อลิตรอย่างต่อเนื่อง

ORยืนยันสนับสนุนนโยบายรัฐปรับโครงสร้างราคาพลังงาน พร้อมดูแลค่าการตลาดเฉลี่ยให้อยู่ระดับที่เหมาะสม 2 บาทต่อลิตรอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ได้เตรียมพร้อมสำรองน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 รองรับนโยบายขยับมาตรฐานน้ำมันจากยูโร 4 เป็น ยูโร 5 ตั้งแต่ 1 ม.ค.  2567 เพื่อช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม   

24 พ.ย. 2566 –  นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า OR เป็นบริษัทผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ในประเทศไทย มีส่วนแบ่งการตลาด 43-45% ซึ่งเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศและเป็นผู้ซื้อน้ำมันจากโรงกลั่นฯ หรือมีหน้าที่ “ซื้อ-รับ-เก็บ และจ่ายน้ำมัน” ให้เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ ดังนั้น OR พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาล โดยปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจต่างๆให้สอดรับกับทิศทางของรัฐ ซึ่งในโครงสร้างราคาน้ำมัน จะพบว่ามีอัตราจัดเก็บภาษีในสัดส่วน 30% , ราคาน้ำมันที่ประกาศราคาอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ คิดเป็นสัดส่วน 60% และค่าการตลาด สัดส่วนเพียง 5-6% 

โดยที่ผ่านมา OR ยึดนโยบายรัฐดูแลค่าการตลาดเฉลี่ยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมประมาณ 2 บาทต่อลิตร ซึ่งจะเห็นว่าจากผลการดำเนินงานของ OR ในรอบ 9 เดือนของปี 2566 นี้ มีกำไรอยู่ที่ระดับ 10,900 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายอยู่ที่ระดับกว่า 600,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกำไรไม่ถึง 2% เท่านั้น แต่ขณะเดียวกันจะเห็นว่าธุรกิจ Lifestyle  มีสัดส่วนกำไรมากถึง 25-30% ซึ่ง OR ยังต้องดำเนินธุรกิจเพื่อรักษาแชมป์ผู้ค้าน้ำมันเบอร์ 1  ไว้ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ พร้อมดูแลผู้บริโภคไม่ให้ถูกเอาเปรียบ

”ค่าการตลาดที่ได้ประมาณ 2 บาทต่อลิตร จะเป็นในส่วนของดีลเลอร์ ประมาณ 1 บาทต่อลิตร และอีกประมาณ 1 บาทต่อลิตร เป็นค่าบริหารจัดการของ OR และเก็บไว้ลงทุน ซึ่ง OR พร้อมให้ตรวจสอบข้อมูล ไม่บิดเบือน เราเป็นองค์กรที่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐ ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย เช่น ผู้ถือหุ้น สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดการลงทุนในหุ้นด้วย“

ทั้งนี้ธุรกิจ Mobility ของ OR  มีความหลากหลาย ไม่ได้มีเพียงการขายปลีกน้ำมันผ่านสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น เท่านั้น แต่ OR ยังเป็นเบอร์ 1 ทั้งในธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเครื่องบิน ,ธุรกิจน้ำมันเดินเรือ, ธุรกิจจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) ซึ่งรับเชื้อเพลิงมาจากโรงกลั่นฯ ในกลุ่มปตท. , ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่น ก็มียอดขายเบอร์1 รวมถึงการขายน้ำมันดีเซล ป้อนเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าด้วย ทำให้ OR ยังต้องเดินหน้าขยายการเติบโตของธุรกิจต่อไป 

ขณะเดียวกันในปี 2567 ทาง OR ยังได้เตรียมพร้อมเก็บสำรองน้ำมันตามมาตรฐานยุโรป ระดับ5 (ยูโร 5) ที่ภาครัฐกำหนดนโยบายให้น้ำมันที่จำหน่ายในประเทศไทยต้องขยับจากมาตรฐาน ยูโร 4 เป็น ยูโร 5 ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้เนื้อน้ำมันที่จำหน่ายมีปริมาณกำมะถันลดลงมาใกล้เคียงมาตรฐานยุโรป จาก 50 ppm เหลือ 10 ppm และโรงกลั่นฯ ในกลุ่มปตท. ก็ถือว่า มีสัดส่วนกำลังการผลิตน้ำมันในปริมาณมากของประเทศที่จะได้มีส่วนร่วมดูแลลดปัญหามลพิษลง 

นายดิษทัต กล่าวว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจของ OR ในปี 2567 คาดว่า จะเป็นปีที่ดีของธุรกิจ และยอดขายยังเติบโตสอดรับกับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( GDP )  โดยตามปกติแล้วยอดขายน้ำมันจะเติบโตสูงกว่า การขยายตัวของ GDP ซึ่งในปี 2566 มีประมาณการว่า GDP จะเติบราว 2.8-2.9% ฉะนั้นยอดขายน้ำมันปี  2566 นี้ ก็น่าจะเติบโต 4% ตามทิศทาง GDP ของประเทศ

นอกจากนี้ในปี 2567 ทาง OR จะมุ่งเน้นเรื่องบริหารจัดการต้นทุนเป็นหลัก โดยเฉพาะการบริหารจัดการสต็อกน้ำมันเพื่อรักษาสมดุลลดปัญหาการขาดทุนของต้นทุนราคาน้ำมัน (Stock Loss) และสร้างผลกำไรของต้นทุนราคาน้ำมัน (Stock Gain) ซึ่งปัจจุบัน มีการนำเทคโนโลยี Dashboard เข้ามาใช้วัดผลกำไรขาดทุนได้แม่นยำและชัดเจนมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจยางมะตอย ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น ก็เดินหน้าขยายการลงทุน เพิ่มยอดขายเพื่อรักษาแชมป์เบอร์1 ไว้ต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้จะเน้นส่งเสริมการเพาะปลูกเมล็ดกาแฟ สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และยังเป็นการลดต้นทุนธุรกิจต้นน้ำ จากปัจจุบัน OR มีโรงคั่วกาแฟ มีศูนย์กระจายสินค้า ขาดแต่การพัฒนาต้นน้ำ เนื่องจากประเทศไทยมีความต้องการบริโภคกาแฟ  80,000 ตันต่อปี แต่มีกำลังการผลิตเพียง 20,000 ตันต่อปี ขณะที่ OR มีความต้องการ 6,000 ตันต่อปี จึงเป็นโอกาสเพิ่มเม็ดกาแฟ ลดต้นทุนให้คาเฟ่ อเมซอน

นอกจากนี้ OR ยังสนใจขยายการลงทุนธุรกิจ Food and Beverage (F&B) โดยมองหาโอกาสเข้าซื้อกิจการต่อเนื่อง โดยหัวใจสำคัญของพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในธุรกิจกับ OR จะต้องเกิดการแลกเปลี่ยนและใช้ผลิตภัณฑ์ของ OR เพื่อสร้าง Synergy ร่วมกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ดิษทัต ปันยารชุน’ CEO OR คว้ารางวัลเกียรติยศ THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2024 สุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR รับรางวัล THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2024

OR สนับสนุน 3 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย สร้างโอกาสให้คนตัวเล็ก มุ่งพัฒนาศักยภาพนักกีฬาไทยสู่สากล

ผศ. พิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และประธานอนุกรรมการพิจารณาจัดการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน

OR เปิดคาเฟ่ อเมซอน 2 สาขา ณ ประเทศมาเลเซีย ส่งมอบประสบการณ์และรสชาติกาแฟที่มีเอกลักษณ์แบบไทยสู่ต่างประเทศ

นางสาว ลิม ฮุย ยิง (YB Lim Hui Ying) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ประเทศมาเลเซีย และ นายรัชฎา จิวาลัย กงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง พร้อมด้วย นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ร่วมกับผู้แทน บริษัท คาเฟ่ ฮับ จำกัด (Café Hub Sdn. Bhd.)

OR ลุยสนับสนุน Motor Sport ปั้นนักกีฬา-วงการแข่งรถไทยพิสูจน์ฝีมือในระดับโลก

ในวงการแข่งขันความเร็วนั้นมีกีฬาหลายชนิดที่เป็นที่จับตามองอย่างมากในระดับโลก โดยเฉพาะการแข่งขัน Motor Sport ซึ่งเป็นการแข่งขันที่รวบรวมยานยนต์เกือบทุกประเภทไว้ด้วยกัน

OR จับมือ ไทย เวียตเจ็ท ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) สำหรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ก้าวสู่การบินคาร์บอนต่ำ สร้างสังคมสะอาดอย่างยั่งยืน

OR ร่วมกับ ไทย เวียตเจ็ท นำน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) มาใช้ในการบิน เที่ยวบินปฐมฤกษ์ ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของทั้งสองบริษัท

OR คว้า 4 รางวัลยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จาก 14th Asian Excellence Award ตอกย้ำความเป็นเลิศในระดับสากล

นางสาววิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน และ นางสาวปิติรัตน์ รัตนโชติ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)