‘คมนาคม’เช็กความพร้อมสายสีชมพูก่อนเปิดทดลองนั่งฟรี พ.ย.นี้

‘สุรพงษ์’เช็กความพร้อมทดลองนั่งรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วง‘แคราย – มีนบุรี’ก่อนเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรี 1 เดือน พ.ย.นี้ เล็งเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ธ.ค.นี้ ค่าโดยสาร 15-45 บาท คาดผู้โดยสารใช้บริการประมาณ 1 แสนคนต่อวัน

9 พ.ย.2566-นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม  เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี  เพื่อเตรียมการต้อนรับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เข้าร่วมทดสอบการเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ของรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพูฯ ก่อนกำหนดเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรี ตลอดเส้นทางครบทั้ง 30 สถานี ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้ 

สำหรับภาพรวมของทั้งโครงการมีความก้าวหน้าอยู่ที่99% ส่วนอีก1% ยังต้องเก็บงานให้เรียบร้อย โดยได้สั่งการให้ นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดูแลการดำเนินงานของผู้รับสัมปทาน รวมถึงการทดสอบการเดินรถในแต่ละระยะอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนที่จะเข้าร่วมทดสอบการเดินรถเสมือนจริงในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ และคาดว่ารถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ จะสามารถเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบเชิงพาณิชย์ได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ ขณะที่อัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 15-45 บาทหรือตกสถานีละ 1 บาท 50 สตางค์

อย่างไรก็ตามขณะที่จุดเชื่อมต่อ ผู้ใช้บริการจะต้องเดินทางเชื่อมต่อภายในระยะเวลา 30 นาที ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูยังมีจุดเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ เช่น สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการเชื่อมต่อกับ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PP11) ของรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง โดยเป็นการเชื่อมต่อประเภท Unpaid to Unpaid Area ระหว่างชั้นออกบัตรโดยสาร (Concourse Level) ของสองสถานี มีทางเดินเชื่อมต่อ (Skywalk) และทางเดินเลื่อนอัตโนมัติ (Walkalator) ระยะทางประมาณ 346 เมตร

ส่วนสถานีหลักสี่ (PK14) เชื่อมต่อกับ สถานีหลักสี่ (RN06) ของรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยเป็นการเชื่อมต่อประเภท Unpaid to Unpaid Area จากชั้นออกบัตรโดยสารของโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพูฯ ที่ระดับดิน ใช้สะพานลอยคนข้ามไปยังชั้นออกบัตรโดยสารของรถไฟชานเมือง มีระยะทางเดินเชื่อมต่อประมาณ 180 เมตร และสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (PK16) เชื่อมต่อกับ สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (N17) ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต เป็นการเชื่อมต่อประเภท Paid to Paid Area

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ถือว่าดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จก่อนกำหนดการประมาณ 6-7 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์แก่ประชาชนที่มาใช้บริการ พร้อมยืนยันว่า ทางขึ้นลงที่ยังมีปัญหาอยู่จะสามารถแล้วเสร็จได้ทันตามกำหนดการเปิดใช้บริการ   ส่วนนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสายนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ตั้งเป้าว่าจะต้องดำเนินการให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสายภายใน 2 ปี ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการฯ ที่จะต้องหารือกับเอกชนผู้รับสัมปทาน อยู่ระหว่างการพิจารณาของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

สำหรับนโยบายของรัฐบาลเรื่องการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าไม่เกิน 20 บาทตลอดสายนั้น เวลานี้ทางกระทรวงคมนาคมยังไม่ได้ติดต่อมาขอเจรจากับ BTSC แต่อย่างใด แต่เบื้องต้นทางบริษัทฯ  พร้อมที่จะคุยกับรัฐบาลและได้เตรียมแนวทางที่จะเจรจาไว้อยู่แล้ว เมื่อไหร่ก็ได้แจ้งมาได้เลย โดยเน้นข้อเท็จจริงแบบตรงไปตรงมา และวิธีดำเนินการ คือ รัฐบาลต้องจ่ายเงินอุดหนุนชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปตามความเป็นจริง แต่หากจำนวนผู้โดยสารหาเพิ่มขึ้นก็จ่ายลดลงตามสัดส่วนที่หายไป

ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู  กล่าวว่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ประมาณ 1 แสนคนต่อวัน จากที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 2 แสนคนต่อวัน โดยคาดว่า จะมีผู้โดยสาร 2 แสนคนต่อวันได้ในปี 2568 เนื่องจากเปิดใช้งานส่วนต่อขยายเข้าไปในเมืองทองธานี พร้อมคาดว่าสายสีชมพูจะมีผู้โดยสารมากกว่าสายสีเหลืองเพราะบริเวณสถานีใกล้กับศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และศูนย์ราชการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในส่วนของโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช – เมืองทองธานี นั้น มีแนวเส้นทางเชื่อมต่อโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพูฯ ที่สถานีเมืองทองธานี (PK10) เข้าสู่ซอยแจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด 39 ไปสิ้นสุดที่บริเวณทะเลสาบในเมืองทองธานี ประกอบไปด้วย สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (MT01) และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี (MT02) มีระยะทางโดยประมาณ 3 กิโลเมตร ปัจจุบัน (ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2566) มีความก้าวหน้างานโยธา41.76% งานระบบรถไฟฟ้า (M&E) 23.34% ความก้าวหน้ารวม 35.56%