อึ้ง! คนไทย 81 ล้านรายมีเงินฝากต่ำกว่า 50,000 บาท “สคฝ.” แจงจำนวนเงินฝาก-ผู้ฝากเงินชะลอต่อเนื่อง ชี้ค่าครองชีพสูงกระทุ้งคนทุบกระปุกนำเงินออมมาใช้จ่ายมากขึ้น กางยอดเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง อยู่ที่ 15.96 ล้านล้านบาท โตติดลบครั้งแรกในรอบ 10 ปี ลุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ฟื้น หนุนเงินฝากขยับเพิ่ม
3 ต.ค. 2566 – นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) กล่าวว่า ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2566 มีจำนวนผู้ฝากเงินที่ได้รับความคุ้มครอง อยู่ที่ 93.46 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 0.05 ล้านราย คิดเป็นการเติบโต 3.37% โดยปัจจุบันวงเงินคุ้มครองเงินฝากตามที่กฎหมายกำหนดที่ 1 ล้านบาท ยังคงสามารถคุ้มครองผู้ฝากเงินได้เต็มจำนวน ครอบคุลมผู้ฝากเงินรายย่อยส่วนใหญ่ของประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 98.08% ของผู้ฝากเงินที่ได้รับความคุ้มครองทั้งระบบ
ขณะที่จำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง อยู่ที่ 15.96 ล้านล้านบาท ลดลง 1.32% ซึ่งเกิดจากปัจจัยความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยในรายละเอียด พบว่า จำนวนผู้ฝากเงินที่มีเงินฝากไม่เกิน 50,000 บาท ในเดือน ส.ค. 2566 อยู่ที่ 81 ล้านราย เติบโต 4.45% ซึ่งในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีเงินฝากไม่ถึง 5,000 บาท แต่จำนวนเงินฝากกลับเริ่มมีการหดตัวตั้งแต่ปี 2565 ที่ ติดลบ 0.63% และในเดือน ส.ค. 2566 ติดลบ 3.61%
ทั้งนี้ ผู้มีเงินฝากมากกว่า 50,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท มีการปรับตัวลดลง ทั้งจำนวนเงินฝากและจำนวนผู้ฝากตลอดช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้ฝากที่มีเงินฝากไม่มากนักจึงต้องนำเงินออมมาใช้จ่าย จนอาจทำให้สุขภาวะที่ดีทางการเงินอ่อนแอลงได้ เช่นเดียวกับผู้มีเงินฝากตั้งแต่ 1,000,000 – 5,000,000 บาท ก็เริ่มมีตัวเลขเงินฝากลดลงในปีนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แรงกดดันจากภาวะสงคราม ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น และการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่าง ๆ ของโลก ต่างกำหนดนโยบายการเงินที่เข้มงวด เพื่อรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูง ส่งผลโดยตรงต่อการบริโภคและการลงทุน
“ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2566 เงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง อยู่ที่ 15.96 ล้านล้านบาทนั้น ลดลงจากสิ้นปี 2565 จำนวน 212,688 ล้านบาท หรือ 1.32% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่จำนวนเงินฝากมีการติดลบของการเติบโต เนื่องจากปัจจัยด้านสภาวะเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ประกอบกับผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนสูง เช่น ทองคำ และคาดว่าในปีนี้จะมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาพรวมสินเชื่อที่ยังเติบโตในกรอบต่ำ” นายทรงพล กล่าว
นายทรงพล กล่าวอีกว่า จำนวนเงินฝากที่ลดลงในปัจจุบัน หวังว่าจะเป็นจุดที่ไม่ควรจะลดลงไปต่ำกว่านี้แล้ว ส่วนแนวโน้มในปี 2567 จากการที่หลายหน่วยงานได้ประเมินว่าตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะขยายตัวได้ดีขึ้น เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่ดีช่วยสนับสนุนให้ประชาชนมีรายได้ที่ดีมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อตัวเลขเงินฝากให้ปรับตัวดีขึ้นด้วย
อย่างไรก็ดี สคฝ. ได้เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ระยะที่ 4 (พ.ศ. 2566-2570) ในหลายเรื่อง รวมถึงการถดบทเรียนการแก้ปัญหาสถาบันการเงินในต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นกรณีศึกษาให้เกิดความรู้ความเข้าใจถึงการบริการจัดการและแนวทางในการกอบกู้สถานการณ์เหตุการณ์วิกฤติสถาบันการเงิน โดยยืนยันว่าปัจจุบันสถานะของธนาคารพาณิชย์ไทยยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ส่วนเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2567 ที่ทำคัญ อาทิ การประมวลผลข้อมูลผู้ฝากจากสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝากให้มีความถี่ขึ้นและความร่วมมือกับธนาคารเฉพาะกิจในกาเป็น Paying Agen, การเตรียมกระบวนการด้านการชำระบัญชีและการบริหารสินทรัพย์ เป็นต้น
สำหรับกรณีการดำเนินการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) นั้น สคฝ. อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม โดยยืนยันว่าบัญชีเงินฝากจาก Virtual Bank ทุกบัญชีจะได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกันกับบัญชีเงินฝากจากธนาคารพาณิชย์ปกติ ขณะที่เรื่องบัญชีม้า มองว่า ปัจจุบันมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะสถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวด และเข้มข้นมากขึ้นในการเปิดบัญชี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้จำนวนบัญชีม้าไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากในปัจจุบัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สคฝ. จับมือการ์ตูนดัง ปังปอนด์จอมป่วน ผลิตสื่อให้ความรู้เรื่องการเงิน
สถาบันคุ้มครองเงินฝาก จับมือ วิธิตากรุ๊ป ดึงคาร์แรคเตอร์การ์ตูนดัง ปังปอนด์จอมป่วน ร่วมผลิตสื่อการเรียนรู้ทางการเงินเพื่อเข้าถึงกลุ่มเปราะบาง