![](https://storage-wp.thaipost.net/2023/10/016.jpg)
“คลัง” พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เข็น “ออมสิน” นำร่องแก้หนี้เสีย แจกการบ้าน กอช. ปี 2567 เดินหน้าต้อนประชาชนสมัครสมาชิกแตะ 5-6 ล้านราย
31 ต.ค. 2566 – นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.การคลัง กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ตัวเรือนของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีมูลหนี้ราว 15-16 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 90 กว่า% ของจีดีพี โดยเป้าหมายของรัฐบาลคือการปรับลดหนี้ครัวเรือนให้ลงมาอยู่ในเกณฑ์วินัยการเงินการคลังที่ดี คือ ไม่ควรเกิน 80% ของจีดีพี ซึ่งแนวทางการแก้ไขเรื่องนี้จะให้ทำในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ก่อน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 1.5-1.6 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 10% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด จึงได้มอบหมายให้สถาบันการเงินของรัฐ โดยเฉพาะธนาคารออมสินเป็นแม่งานในการบริหารจัดการหนี้เสียในส่วนของสถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งเชื่อว่าหากสามารถบริหารจัดการตรงนี้ได้ ก็จะทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนทยอยปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ธนาคารออมสิน ดำเนินเป็นโครงการนำร่อง (Pilot Project) กับกลุ่มลูกหนี้ของธนาคารออมสินก่อน ซึ่งพบว่ามีลูกหนี้รายย่อยของธนาคารทยอยเข้าโครงการแล้วกว่า 1.5 หมื่นราย คิดเป็นมูลหนี้ราว 5 พันล้านบาท
“ยอมรับว่าการจะลดหนี้ครัวเรือนลงมาอยู่ที่ 80% ของจีดีพี ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ก็เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลอยากทำให้เกิดเร็วที่สุด โดยการเริ่มจัดการที่กลุ่มหนี้เสียก่อนเพราะทำได้ง่าย ซึ่งได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินเป็นแม่งานหลัก เพราะหนี้เสียในหนี้ครัวเรือนในส่วนของสถาบันการเงินของรัฐนั้น อยู่ที่ออมสินน่าจะเยอะที่สุด โดยอาจจะให้ออมสินเซตเป็นเมนูง่าย ๆ เพื่อให้ลูกหนี้เสียเลือกเข้า ก็จะทำให้การบริหารจัดการทำได้ง่ายและเร็วขึ้น เช่น ถ้าจ่ายหนี้ครั้งเดียวเลยจะได้สิทธิประโยชน์อย่างไร หรือผ่อนชำระจะมีการดำเนินการได้อย่างไรบ้าง ขณะเดียวกันธนาคารพาณิชย์ก็สามารถเข้ามาร่วมได้ ซึ่งหากทุกคนทุกสถาบันการเงินร่วมมือกันก็เชื่อว่าจะทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนลดลงแน่นอน” นายกฤษฎา กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน เร่งหารือเพื่อออกแพคเก็จ เพื่อให้มีเงื่อนไขเดียวกันในการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่กลับจากอิสราเอล ในส่วนที่มีหนี้สินกับสถาบันการเงินของรัฐ โดยหลักการของแพคเก็จคือ จะให้มีระยะเวลาปลอดหนี้ยาวนานที่สุด มีระยะเวลาในการผ่อนชำระยาวนานที่สุด และให้มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด เพื่อช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2566 นายกฤษฎา กล่าวภายหลังเป็นประธานในงานมอบรางวัลส่งเสริมการออมกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ยอดเยี่ยม ประจำปี 2566 ว่า ได้มอบเป้าหมายในการเพิ่มสมาชิก กอช. ในปี 2567 ให้ถึง 5-6 ล้านคน จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.5 ล้านคน เพื่อให้ประชาชนได้มีระบบการออมในการดูแลชีวิตหลังเกษียณ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการแก้ไขกฎหมาย กอช. เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เป็นการสร้างแรงจูงใจในการออม โดยสามารถออมขั้นต่ำได้เพียง 50 บาทต่อครั้ง สูงสุด 3 หมื่นบาทต่อปี พร้อมรับเงินสบทบจากรัฐ สูงสุด 100% หรือไม่กิน 1.8 พันบาทต่อปี
“ภาครัฐพยายามผลักดันนโยบายส่งเสริมการออม เพื่อทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ด้วยระบบการออมเพื่อการเกษียณในรูปแบบการออมทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจ” นายกฤษฎา กล่าว
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ กอช. กล่าวว่า ขณะนี้ กอช. กำลังวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายของกองทุนในระดับจังหวัด แต่ละพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนที่มีสิทธิในการสมัครเป็นสมาชิก กอช. ได้ใช้สิทธิในการรับเงินสมทบเพิ่มเมื่อออมเงินกับ กอช. ซึ่งการดำเนินงานของกองทุน ยังสอดรับกับแผนพัฒนาทักษะทางการเงินปี 2565-2570 เพื่อคุณภาพชีวิตประชาชนที่ดี ในด้านนโยบายเสริมทักษะ มาตรการทางเศรษฐกิจ “แบบเจาะจง” ตามความเหมาะสมกับปัญหาของพื้นที่ หรือกลุ่มประชาชนหรือที่เรียกว่า Tailor-Made Policy ที่อาศัยประโยชน์จากการพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับก็คือ มีระดับทักษะทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างทั่วถึงมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พีระพันธุ์' ต่อสายคุย 'กฤษฎา' ยืนยันลาออก
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายกฤษฎา จีนะวิจาร
'พิชัย' ตอบ 'กฤษฎา' ไม่เป็นไร วิธีการทำงานของผมมีเหตุมีผล
ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ก่อยเดินขึ้นประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ถึงกรณี
'กฤษฎา' แจงลาออก รมช.คลัง ซัดขุนคลังคนใหม่ไม่ให้เกียรติ ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้
หนังสือขอลาออกจากตำแหน่งรมช.คลังของ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ที่ส่งถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 8 พ.ค.67 มีเนื้อหาระบุว่า ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกระผมให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2567 นั้น กระผมขอเรียนว่า กระผมมีความประสงค์ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
‘กฤษฎา‘ เตรียมลาออกสมาชิกพรรค รทสช. สัปดาห์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ภายหลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออกจากตำแหน่งรมช.คลังและมีผลโดยสมบูรณ์แล้ว
นายกฯ คอนเฟิร์ม 'กฤษฎา' พ้น รมช.คลัง รอคุย 'รทสช.' ที่เพชรบุรี
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการลาออกจากตำแหน่ง รมช.คลังของ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ว่า ถือว่ามีผลเรียบร้อยแล้ว