'คมนาคม' ลุยตั้งคณะทำงานเร่งสางแก้ปมทางเข้า-ออก 'แอชตัน อโศก'

“คมนาคม” เร่งตั้งคณะทำงานศึกษาข้อมูล ผลกระทบ พร้อมหาแนวทางช่วยเหลือ หลังชาวคอนโดแอชตัน อโศก 668 ราย ร้องขอความเป็นธรรรม ช่วยหาทางแก้ไขทางเข้า-ออกคอนโด คาดแล้วเสร็จใน 30 วัน

25 ต.ค. 2566 – นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม ได้ลงนามคำสั่งกระทรวงคมนาคม แต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อพิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ผู้ได้รับผลกระทบการอนุญาตใช้พื้นที่ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) โดยมีตน เป็นประธาน ภายหลังได้รับหนังสือร้องเรียนจากประชาชนที่ซื้อชุดโครงการคอนโดมิเนียมแอชตัน อโศก จำนวน 668 ราย ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการปฏิบัตผิดพลาดของหน่วยงานรัฐ จึงขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือ พร้อมทั้งสั่งการให้ รฟม. แสดงความรับผิดชอบหาทางแก้ไขปัญหาทางเข้าออกโครงการคอนโดมิเนียม แอชตัน อโศก ให้ถูกต้องต่อไป

นายสรพงศ์ กล่าวต่อว่า คณะทำงานชุดนี้ ประกอบด้วย อธิบดีกรมการขนส่งทางราง(ขร.), ผู้ว่าการ รฟม., ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด, ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมกากฤษฎีกา, ผู้แทนกรุงเทพมหานคร, ผู้อำนวยการกองกฎหมาย และผู้อำนวยการกองตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม มีรองผู้ว่าการ รฟม. เป็นเลขานุการ อย่างไรก็ตามคณะทำงานจะมีอำนาจหน้าที่ในการศึกษาข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ และหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน

นอกจากนี้จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามมติของคณะทำงาน พร้อมกันนี้ยังมีอำนาจเชิญบุคคล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ และรวบรวมข้อมูลที่จำเป็น รวมทั้งสามารถแต่งตั้งคณะทำงานย่อยที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของคณะทำงานชุดนี้ อย่างไรก็ตามในกรณีที่พิจารณาแล้วเห็นว่า มีข้อมูล/ข้อเท็จจริงไม่เพียงพอ ก็มีอำนาจขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้

นายสรพงศ์ กล่าวว่า รมช.คมนาคม มีนโยบายไม่ทอดทิ้ง ต้องดูแลประชาชนในทุกเรื่อง จึงได้สั่งการให้เร่งตรวจสอบ และหาแนวทางแก้ไข เพราะมีผู้เดือดร้อนได้รับผลกระทบจำนวนมาก อย่างไรก็ตามคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการเร่งศึกษาข้อมูล ผลกระทบ และข้อเสนอแนะต่างๆ ก่อนออกเป็นมาตรการแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน จากนั้นจะเสนอ รมช.คมนาคม เพื่อมอบหมายให้ รฟม. ดำเนินการต่อไป ขอให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และนักลงทุนเชื่อมั่นในมาตรการแนวทางต่างๆ และข้อห่วงใยของภาครัฐ