นักธุรกิจชี้ดิจิทัลวอลเล็ต เป็นประชานิยม สร้างดีมานด์เทียม หวังแต่คะแนนเสียง ไม่สร้างความยั่งยืนทางศก.
22 ต.ค. 2566 – นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นักธุรกิจผลิตและส่งออก ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ จากบริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัดฯ ที่หลายคนรู้จักกันดีในฐานะนักธุรกิจภาคประชาสังคมชื่อดังกล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของพรรคเพื่อไทยว่า การที่รัฐบาลยืนยันจะเดินหน้าทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้นักลงทุนต่างประเทศ เห็นว่า มีแนวโน้มในอนาคตอาจต้องมีการกู้เงินเพื่อนำงบประมาณมาทำนโยบายประชานิยม จึงเกิดผลต่างๆ ตามมาก่อนหน้านี้เช่น ค่าเงินบาท อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเขาอ่านเกมออกว่ารัฐบาลต่อไปก็จะต้องสร้างหนี้ขึ้นมา หรือบริโภคเกินกว่าที่จะหาได้ ก็จะมีภาระหนี้สินเกิดขึ้น และส่งผลต่อสถานะการเงิน-การคลังของประเทศ ต่างชาติเลยรีบเอาเงินหนีออกก่อน ซึ่งเมื่อต่างชาติขนเงินออก ค่าเงินบาทอ่อน เงินเฟ้อก็ขยับขึ้นทันที เพราะระบบเศรษฐกิจประเทศไทยเป็นระบบเปิด ราคาสินค้าก็เริ่มขยับตัวสูงขึ้น เพราะถ้าดิจิทัลวอเล็ตออกมา มันไม่ใช่ดีมานด์จริงเป็นความต้องการจริงของผู้บริโภคจนทำให้ภาคการลงทุนเขาจะลงทุนเพิ่มขึ้น
นายปรีดาย้ำว่า ดิจิทัลวอลเล็ต มันไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจที่แท้จริง มันกระตุ้นแค่วูบเดียว เพราะหากจะกระตุ้นเศรษฐกิจริงๆ นักลงทุน นักธุรกิจที่อยู่ในภาคการผลิตก็ต้องเตรียมจะขยายการผลิต ขยายโรงงาน จ้างคนมากขึ้น แต่เงินที่จะใช้ทำดิจิทัลวอลเล็ต ก็อาจจะต้องมีการกู้มาทำนโยบาย แล้วต่อไปสถานภาพการเงินการคลังของประเทศไทยก็จะอ่อนแอ เพราะเอาเงินไปทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ด้วยการสร้างดีมานด์เทียม เป็นประชานิยม เพื่อเอาคะแนนเสียง สภาพอย่างที่เห็นตอนนี้ที่นักลงทุนต่างประเทศขนเงินออก มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าต่างชาติมองสิ่งที่รัฐบาลจะทำมันไม่ถูกต้อง เพราะการนำงบประมาณจำนวนมากมาทำนโยบายดังกล่าวจริงอยู่ว่ามันอาจทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นมาบ้าง แต่เทียงเปอร์เซ็นต์แล้วก็ไม่ได้มากเพราะคนเขารู้ว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำต่อเนื่อง อย่างคนทำธุรกิจ หากจะเปิดโรงงานใหม่ หรือเปิดร้านอาหารใหม่ ผมต้องดูแล้วว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจ มันต้องทำให้เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง ถึงมั่นใจถึงจะเปิดโรงงาน เปิดร้านใหม่ แล้วจะเปิดทำไม ในเมื่อรู้ว่านโยบายนี้ออกมาแล้วทำแค่รอบเดียวก็จบ ไม่ต่อเนื่อง หากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตออกมา ค่าเงินบาทจะอ่อนตัวลงไปอีก เงินเฟ้อจะเพิ่มมากขึ้น
นายปรีดา ยังกล่าวถึงการที่นายกฯตั้งเป้าหมายจะทำให้เศรษฐกิจไทยโตปีละห้าเปอร์เซ็นต์ต่อเนื่องสี่ปีติดต่อกันนั้น หากประเทศไทยบริหารประเทศแบบมีเหตุผล อย่างหากจะมีการกู้ยืมมา ก็ต้องกู้เพื่อมาสร้างผลผลิตเพิ่มขึ้น หากทำแบบนี้ได้ คนก็มั่นใจ การที่จีดีพีจะโตปีละห้าเปอร์เซ็นต์ยังมีความเป็นไปได้สำหรับเศรษฐกิจประเทศไทย ยังเป็นไปได้อยู่แม้ห้าเปอร์เซ็นต์จะเป็นตัวเลขที่สูง โดยการทำให้ได้ตามเป้าหมายดังกล่าว รัฐบาลต้องทำให้ต่างชาติเห็นว่านโยบายต่างๆที่รัฐบาลทำออกมา ต้องไม่ใช่ประชานิยมแต่เป็นสิ่งที่เป็นจริง ที่จะทำให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน ที่แท้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นิพนธ์' ซัดรัฐบาลแจกเงินหมื่น เฟส 2 หวังผลการเมือง ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย-อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตนายก อบจ. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนในระบบและยืนยันตัวตนแล้ว รวมกว่า 4 ล้านคน
ป้า 67 ป่วยหลายโรค หาบเร่ขายของเลี้ยงชีพ หวังได้เงินหมื่น เฟส 2 หวั่นตกหล่น บัตรคนจนก็ไม่มี
บุรีรัมย์ ป้า 67 ป่วยความดัน มีก้อนเนื้อที่คอ แต่ต้องหาบเร่ขายของเลี้ยงชีพและลูกพิการ หวังได้เงินหมื่น เฟสสอง มาแบ่งเบา
รัฐบาลเคาะแจกเงินหมื่น เฟส 2 ให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป ก่อนวันตรุษจีนปี 68
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 1/2567 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง
คกก.นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ นัดประชุมครั้งแรก 19 พ.ย. ถกแจกเงินดิจิทัลรอบใหม่
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยภายหลังหารือกับ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และหน่วยงานเศรษฐกิจว่า ในวงหารือได้เคาะวันประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ