ส.อ.ท. โอดดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ร่วงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เผยความกังวลเพิ่มขึ้น ทั้ง เศรษฐกิจโลก อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และเศรษฐกิจในประเทศ เสนอรัฐปรับดอกเบี้ยเงินกู้ เร่งรัดจัดตั้งธนาคารไร้สาขา
21 ต.ค. 2566 – นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือนก.ย.2566 อยู่ที่ระดับ 90.0 ลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ 91.3 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เป็นผลมาจากภาคการผลิตที่ชะลอตัวจากกำลังซื้อในประเทศอ่อนแอลง จากปัญหาหนี้ครัวเรือนและรายได้ภาคเกษตรที่ลดลง
นอกจากนี้ อุปสงค์จากประเทศคู่ค้าชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงกดดันเศรษฐกิจในภูมิภาค และการอ่อนค่าของเงินบาทเนื่องจากเงินทุนไหลออกจากประเทศในช่วงที่ผ่านมาจากความกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบนำเข้าเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งสินค้ารวมถึงกระทบต่อวัตถุดิบสินค้าเกษตร
ขณะที่ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการรัฐช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนโดยการปรับลดราคาน้ำมันดีเซล ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร และปรับลดค่าไฟฟ้าจาก 4.45 เป็น 3.99 บาท/หน่วย ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตภาคอุตสาหกรรมและค่าขนส่งลดลง สะท้อนจากดัชนีต้นทุนประกอบการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน รวมทั้งการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวยังคงส่งผลดีต่อการบริโภคในประเทศ
โดยจากการสำรวจในเดือนก.ย.2566 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจโลก 84% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 69.5% และเศรษฐกิจในประเทศ 45.6% ส่วนปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ ราคาน้ำมัน 55.2% สถานการณ์การเมืองในประเทศ 43.5% อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ 41.8%
สำหรับดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 97.3 ลดลงจากครั้งก่อนคาดไว้อยู่ที่ 99.5 โดยมีปัจจัยเสี่ยงมาจากความกังวลต่อแนวโน้มราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการในช่วงฤดูหนาว อีกทั้งปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่อย่างไรก็ยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวอนุมัติวีซ่าฟรีชั่วคราวให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน เป็นเวลา 5 เดือน ซึ่งคาดว่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2566
นายเกรียงไกร กล่าวว่า ส.อ.ท.จึงมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสถาบันการเงินทั้งรัฐและเอกชน ดูแลส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลดลงเพื่อไม่ให้เป็นภาระของผู้ประกอบการ รวมถึงเร่งรัดการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) โดยเร็ว และเสนอให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และกรมศุลกากร เข้มงวดในการตรวจจับสินค้านำเข้าที่ไม่ได้คุณภาพจากต่างประเทศ รวมทั้งเสนอให้ภาครัฐสนับสนุนการรับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินคืนในระบบ Net Metering และสนับสนุนให้มีการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน รองรับความเป็นกลางทางคาร์บอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อิ๊งค์' คุย กกร. ชื่นมื่น! ปลื้มอวย 'พ่อนายกฯ' แก้เศรษฐกิจเก่งสุด
นายกฯ คุย ‘กกร.’ รับข้อเสนอแก้เศรษฐกิจ จับมือเอกชนหารายได้ใหม่เข้าประเทศ ด้าน ‘สนั่น’ เชื่อมั่นรัฐบาลอิ๊งค์ พร้อมช่วยดันจีดีพีโต ชมเปาะ 'ทักษิณ' เก่งสุด
เอกชนยังอุ่นใจ ได้รบ.พรรคเดิม สานต่อนโยบาย
ประธาน ส.อ.ท.เทียบ "ชัยเกษม-เเพทองธาร" เด่นคนละแบบ ชี้ "ชัยเกษม" มีความเก๋าทางการเมือง "แพทองธาร" เป็นคนรุ่นใหม่เข้าใจวัยรุ่น