‘มนพร‘ สั่งการบ้าน ขสมก. เร่งจัดหารถเมล์ไฟฟ้าใหม่ 2,013 คัน

มนพร’สั่ง ขสมก. เร่งจัดหารถเมล์ไฟฟ้าใหม่ 2,013 คัน นำร่องเฟสแรก 224 คัน วงเงิน 900 ล้านบาท ตั้งเป้ารับรถใหม่ ม.ค.-มี.ค.67 เร่งตั้งบอร์ดใหม่เสร็จภายใน 2 เดือน ขับเคลื่อนงานต่อ ลุยจับมือ สปสช. พนักงาน 1.2 หมื่นคน ไม่ต้องสำรองค่ารักษาพยาบาลหวังสร้างขัวญกำลังใจให้พนักงาน

29 ก.ย.2566-นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันก่อตั้ง ขสมก. ครบรอบ 47 ปี ว่า วันนี้เป็นวันแรกที่มีโอกาสมาเยือน ขสมก. ในวันครบรอบ 47 ปี โดยได้เริ่มดำเนินโครงการราชรถยิ้ม รวมทั้งให้ ขสมก. หารือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เกี่ยวกับระบบการรักษาพยาบาลของพนักงาน ขสมก. ที่มี 12,000 คน แบ่งเป็นพนักงานขับรถ 4,000 กว่าคน พนักงานเก็บค่าโดยสาร 4,000 กว่าคน และ ที่เหลือ 4,000 กว่าคนเป็นพนักงานออฟฟิศ

ทั้งนี้ เพื่อให้พนักงานที่ไปรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลสังกัด สปสช. สามารถเข้าการรักษาได้ทันที โดยไม่ต้องใช้เงินตนเองจ่ายก่อน แล้วมาเบิกค่าใช้จ่ายกับ ขสมก. ทีหลังเหมือนในปัจจุบัน เพราะพนักงานมีเงินเดือนน้อย และต้องมาสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล คาดว่าเรื่องนี้จะเริ่มใช้ได้เดือน ม.ค.67 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพนักงาน และเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน หากทำได้ ขสมก. จะเป็นหน่วยงานรัฐสาหกิจแรกที่ดำเนินการเรื่องนี้

นอกจากนี้เร่งรัดให้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. ชุดใหม่ หลังจากบอร์ด ขสมก. ชุดเดิมหมดวาระไปเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.65 จนถึงปัจจุบัน (29 ก.ย.66) ระยะเวลา 1 ปีกว่าแล้ว ขณะนี้เข้าสู่กระบวนการสรรหาคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนแล้วเสร็จ เพื่อขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูจัดหารถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (รถเมล์ไฟฟ้า) จำนวน 2,013 คันต่อไป

นางมนพร กล่าวว่าได้มอบหมาวให้ ขสมก. พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ อู่รถเมล์บางเขน และ อู่มีนบุรี โดยให้เอกชนมาบริหารจัดการ เพื่อหารายได้เพิ่ม ตลอดจนใช้อู่รถเมล์ดังกล่าวเชื่อมต่อการเดินทางไปใช้รถไฟฟ้าสะดวก รวดเร็ว อย่างไรก็ตามคาดว่าแผนฟื้นฟูจะดำเนินการแล้วเสร็จในยุคนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อ ขสมก. ลดภาระหนี้ หารายได้เพิ่ม ประชาชนได้รับบริการสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดฝุ่น PM 2.5 ปลอดภัย และค่าโดยสารที่เป็นธรรม

นอกจากนี้จะเร่งรัดแต่งตั้งบอร์ดในหน่วยงานสังกัดที่ตนเองกำกับดูแลด้วย ไม่ว่าจะเป็น การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.)  สำนักงานการบินพลเรือน (สบพ.) และ บริษัท โรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำกัด (รทส.) ซึ่งจะต้องจัดตั้งบอร์ดใหม่ เพื่อให้กาทำงานได้เกิดความต่อเนื่องและไม่สะดุด ส่วนหน่วยงานที่ไม่มีบอร์ด เช่น กรมเจ้าท่า (จท.) ต้องดำเนินการตามนโยบายต่อไป เพื่อให้ให้องค์กรมีผลกำไรและพนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ด้านนายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ความคืบหน้าแผนขับเคลื่อน ขสมก. หรือ แผนฟื้นฟู ขสมก. ปี 66-70 ปัจจุบัน ขสมก. ได้ดำเนินการทำแผนแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างรอเสนอ บอร์ด ขสมก. พิจารณาเห็นชอบ หลังจากนั้นจะเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาภายในปี 66 และเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเห็นชอบต่อไป

ขณะเดียวกัน ขสมก. ตั้งเป้าจัดหารถเมล์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งหมด 2,500 คัน ซึ่งในจำนวนนี้จัดหารถเมล์ NGV จำนวน 489 คันได้แล้ว ทำให้เหลือ 2,013 คัน โดยรถเมล์ 2,013 คันนี้ จะใช้รูปแบบสัญญาเช่า แบ่งดำเนินการออกเป็น 3 ระยะ (เฟส) ดังนี้ เฟส 1 รถเมล์ไฟฟ้าจำนวน 224 คัน วงเงิน 900 ล้านบาท เช่า 2-3 ปี เพื่อนำมาบรรจุในเส้นทางที่ได้รับใบอนุญาตเดินรถจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) อยู่ระหว่างจัดร่างเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) คาดได้รับรถช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.67)เฟส 2 รถเมล์ไฟฟ้า 1,020  คัน และ เฟส 3 รถเมล์ไฟฟ้า 769 คัน อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล และสรุปวงเงิน คาดว่าเริ่มดำเนินการได้ภายหลังตั้ง บอร์ด ขสมก.  แล้วเสร็จ

อย่างไรตามปัจจุบัน ขสมก. มีรถเมล์ 2,885 คัน 107 เส้นทาง แบ่งเป็นรถเมล์ร้อน 1,520 คัน รถเมล์แอร์ 1,365 คัน ผู้โดยสารใช้บริการ 700,000-800,000 คนต่อวัน มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 12,000 ล้านบาทต่อปี ค่าซ่อมบำรุงรักษา 1,600-2,000 ล้านบาทต่อปี และมีรายได้อยู่ที่ 8,000 ล้านบาทต่อปี ทำให้ ขสมก. ยังขาดทุนอยู่ที่ 4,000 ล้านบาทต่อปี โดยในแต่ละปี ขสมก. จะดำเนินการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องใช้ดำเนินการในส่วนของรถเมล์ร้อน 8,000 ล้านบาทต่อปี และขอรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ (PSO) วงเงิน 2,000 ล้านบาทต่อปี ส่งผลให้ ขสมก. มีหนี้สะสมอยู่ที่ 140,000 ล้านบาท

นายกิตติกานต์ กล่าวต่อว่า เมื่อจัดหารถเมล์ใหม่ได้แล้ว ในส่วนรถเมล์ที่ให้บริการในปัจจุบัน ขสมก. กรณีรถเมล์ที่ใช้งานได้ถ้ามีงบประมาณ ขสมก. มีแผนปรับปรุงรถเมล์เก่าสภาพใหม่ เพื่อนำมาเป็นรถเสริมให้บริการ แต่ถ้ารถเมล์ใช้งานไม่ได้ต้องปลดระวาง ซึ่งการปลดระวางส่งผลให้ค่าเหมาซ่อมบำรุงรักษาถูกลง ขณะนี้มอบให้เขตการเดินรถทั้ง 8 เขต จัดหมวดหมู่รถเมล์ที่มีสภาพเก่าเตรียมพร้อมปลดระวาง เพื่อสอดรับแผนดำเนินการขับเคลื่อน ขสมก. ต่อไป

ทั้งนี้ปัจจุบันขสมก. มีพนักงานทั้งหมด 12,000 คน แบ่งเป็น พนักงานขับรถ 4,000 คน, พนักงานเก็บค่าโดยสาร 4,000 คน, พนักงานประจำสำนักงานและช่างซ่อมบำรุงรักษา  4,000 คน ที่ผ่านมา ขสมก. เปิดรับสมัครพนักงานขับรถ เพื่อให้เพียงพอต่อบริการ หลังจัดหารถเมล์และจัดทำระบบการจัดเก็บค่าโดยสารแล้วเสร็จ ขสมก. มีแผนเพิ่มทักษะให้บริการและปรับเปลี่ยนหน้าที่การทำงานของพนักงานให้เหมาะสม ตามนโยบาย รมว.คมนาคม เพื่อแก้ปัญหาโครงการเกษียณก่อนกำหนด (เออร์ลี่รีไทร์)

เพิ่มเพื่อน