'เวิลด์แบงก์' ฟันธงปลายปี 65 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว

“เวิลด์แบงก์” ฟันธงเศรษฐกิจไทยเริ่มผงกหัวจากพิษโควิด-19 ได้ปลายปี 2565 จากอานิสงส์ส่งออก-มาตรการรัฐ ด้านท่องเที่ยวทยอยฟื้นตัว คาดปีหน้าต่างชาติตบเท้าเข้าไทยเฉียด 7 ล้านคน ก่อนพุ่งเป็น 20 ล้านคนในปี 2566 พร้อมคงคาดการณ์จีดีพีปีนี้ที่ 1% หลังการบริโภคภาคเอกชนยังอ่อนแอ ตลาดแรงงานโคม่าไม่หยุด ไวรัสทำจนพุ่ง 1.6 แสนคน ยอมาตรการเยียวยาภาครัฐเบรกคนไทยก้าวเข้าสู่ความยากจน 7 แสนคน

14 ธ.ค. 2564 นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารโลกยังคงประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะขยายตัวที่ระดับ 1% เนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนยังคงอ่อนแอจากผลกระทบของโควิด-19 ขณะนี้คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังคงมีไม่มากนัก แม้ว่าจะมีการเปิดประเทศ ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการ คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 8.5% ยังมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวมได้ ส่วนมาตรการเยียวยาของภาครัฐ การริเริ่มด้านสาธารณสุข โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และมาตรการสนับสนุนด้านการคลังในรูปแบบอื่น ๆ ได้ช่วยหนุนอุปสงค์ของภาคเอกชน รวมทั้งสนับสนุนการบริโภคในกลุ่มครัวเรือนเปราะบาง และช่วยลดผลกระทบของวิกฤติความยากจนด้วย

“ข่าวดี คือ เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเริ่มฟื้นตัวได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ได้ในช่วงปลายปี 2565 โดยยังเป็นการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป จากแรงสนับสนุนของภาคการส่งออกและมาตรการจากภาครัฐ รวมถึงการเร่งกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรใกล้เคียงเป้าหมายที่ 70% ในปีนี้ ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของประชากรลงได้ แต่ต้องยอมรับว่าการฟื้นตัวยังมีความไม่แน่นอนสูง จากปัจจัยเสี่ยงเรื่องการกระจายตัวและการกลายพันธุ์ของโควิด-19 การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวระดับโลก และปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนในระบบห่วงโซ่การผลิต” นายเกียรติพงศ์ กล่าว

ขณะที่สถานการณ์ในตลาดแรงงานของไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากโควิด-19 ส่งผลให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเท่าตัว ขณะที่มีแรงงานเดิมในภาคอุตสาหกรรมที่ตกงาน และแรงงานที่ย้ายไปสู่ภาคเกษตรเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนความตลาดแรงงานยังมีความเปราะบางอย่างมาก ส่วนอัตราความยากจนยังทรงตัว ซึ่งจากการสำรวจที่ผ่านมาพบว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีความรุนแรงเป็นพิเศษต่อกลุ่มเปราะบาง ตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 มีคนยากจนเพิ่มขึ้น 1.6 แสนคน ขณะที่มาตรการคุ้มครองทางสังคมและเศรษฐกิจที่ครอบคลุมช่วยควบคุมไม่ให้ความยากจนเพิ่มขึ้น โดยหากไม่มีมาตรการจากภาครัฐ คาดว่าความยากจนจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 1% หรือมีคนมากกว่า 7 แสนคนที่ได้รับความช่วยเหลือไม่ให้ตกไปสู่ความยากจน ส่วนสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงนั้น เกิดขึ้นจากปัจจัยชั่วคราวจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งอาจส่งผลกระทบในระยะยาว โดยภาครัฐควรมีมาตรการช่วยเหลือ โดยเฉพาะการเพิ่มรายได้ให้ครัวเรือน

สำหรับสถานการณ์ภาคการคลังนั้น ไทยยังมีพื้นที่ทางการคลังพอสมควรในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และประคับประคองครัวเรือนที่ยากจนและตกงาน โดยในปี 2563 สัดส่วนหนี้สาธารณะของไทยอยู่ที่ระดับ 58.1% ของจีดีพี และคาดว่าปีนี้จะขยับเพิ่มเป็น 62.2% ของจีดีพี ขณะที่ปี 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ 61.6% ของจีดีพี ซึ่งอยู่ในภาวะที่สามารถควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ไม่เกิน 70% ของจีดีพี โดยมาตรการด้านการคลังในระยะต่อไปยังมีความจำเป็นแต่การให้ความช่วยเหลืออาจเป็นแบบเจาะจงเฉพาะกลุ่มมากขึ้น

นายเกียรติพงศ์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2565 คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 3.9% ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ในปี 2566 โดยความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนและการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปีหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 6.8-7 ล้านคน และปี 2566 จะเพิ่มเป็น 20 ล้านคน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมองว่าการท่องเที่ยวจะส่งผลต่ออัตราการเติบโตของจีดีพีในปี 2565 ที่ 2% และในปี 2566 ที่ 4% ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 4% ส่วนการส่งออกคาดว่าจะช่วยการเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้าน้อยกว่าปี 2564 เนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแอลง ขณะที่มาตรการด้านการคลังจะลดลง เนื่องจากมาตรการรับมือกับสถานการณ์การระบาดส่วนใหญ่ได้มีการดำเนินการไปแล้ว

นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะยังสามารถควบคุมได้ โดยคาดว่าในปี 2564-2565 จีดีพีจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าศักยภาพ เงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำและค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเป็น 1.3% ในปี 2566 สะท้อนถึงอุปสงค์ในประเทศที่ซบเซาและการจำกัดผลกระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยอัตราเงินเฟ้อไม่น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อรองรับการฟื้นตัว โดยจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.50% ต่อปี ในปี 2565

“ผลกระทบของโควิด-19 จะเป็นรอยแผลเป็นสำหรับผลิตภาพ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทยไปอีกนาน การลงทุนที่ลดลงในปีที่ผ่านมา ทำให้ผลผลิตตามศักยภาพลดลง ส่งผลกระทบด้านลบที่รุนแรงต่อประชากรสูงวัย และการปรับเปลี่ยนปัจจัยการผลิตที่ล่าช้า ดังนั้นเพื่อลดโอกาสในการเกิดแผลเป็นจากโควิด-19 และจัดการกับความท้าทายเชิงโครงสร้าง จำเป็นต้องมีการแทรกแซงเพิ่มเติมในบริบทการลงทุนในกิจกรรมเศรษฐกิจดิจิทัลจะเปิดโอกาสที่มีค่าในการเพิ่มทั้งอุปสงค์และอุปทานในระยะสั้น ขณะที่เพิ่มผลผลิตตามศักยภาพอย่างถาวรผ่านการเพิ่มผลิตภาพและลดความขัดแย้งของตลาด โดยประเทศไทยต้องมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีศักยภาพมาใช้ในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการระบาด ไปพร้อมกับการส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาว” นายเกียรติพงศ์ กล่าว

ด้านธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ได้ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 1% จากเดิมที่ 0.8% และปี 2565 เพิ่มเป็น 4% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.9% เนื่องจากการส่งออกสินค้า การลงทุนภาคเอกชน และการบริโภคสินค้ากระเตื้องขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย แม้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะมีผลกระทบโดยตรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และรายได้ในไตรมาส 3/2564ก็ตาม

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นายกฯอิ๊งค์' เชื่อเศรษฐกิจไทยปีหน้ามีแนวโน้มดีขึ้น ตั้งเป้าจีดีพีโต 3%

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาทำงานที่มีนโยบายต่างๆสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยในปี 2568 งบประมาณจะเพิ่มขึ้น และมีการขาดดุลการคลังที่ลดลง ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดี

Nvidia บริษัท AI ระดับโลก ไปลงทุนที่ 'เวียดนาม' แล้ว 'ไทยจะทำอย่างไร'

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้  รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ทำไม Nvidia บริษัท AI ระดับโลก ไปลงทุนที่ "เวียดนาม" แล้ว "ไทยจะทำอย่างไร" เมื่อ "เวียดนาม" ขึ้นแท่น "ผู้นำเศรษฐกิจอาเซียน"

หอมกลิ่นความเจริญ! 'ทักษิณ' ประกาศปั้น GDP ประเทศไทยให้ถึง 4-5 %

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บรรยายพิเศษหัวข้อ อนาคตอีสาน โอกาสประเทศไทย ในงานสัมมนา ISAN NEXT : พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับเครือมติชน

'สุดารัตน์' ถามนายกฯ เตรียมรับมือเศรษฐกิจปีหน้าหรือยัง ชี้แจกเงินหมื่นไม่ตอบโจทย์

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงเศรษฐกิจประเทศไทยภายใต้รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ในปี 2568 เศรษฐกิจไทยมีปัญหาอยู่แล้ว คือหนี้ภาคครัวเรือนที่มีสูงถึง 92%

‘อนุสรณ์’ วิเคราะห์ ‘ทรัมป์2.0’ ไทยต้องปรับยุทธศาสตร์ ศก. พึ่งพาตัวเองมากขึ้น

ทรัมป์ 2.0 ไทยต้องปรับยุทธศาสตร์เศรษฐกิจหันพึ่งพาตัวเองมากขึ้น สินค้านอกข้อตกลงเอฟทีเอกระทบรุนแรง สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯรอบใหม่อาจนำไปสู่สงครามเย็นรอบใหม่ในไม่ช้า

เศรษฐกิจไทย ทำไมยังไม่ไปไหนเสียที

ก่อนหน้าที่ดิฉันจะเข้าทำงานที่องค์การสหประชาชาติเมื่อเกือบ 8 ปีก่อน ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ชื่นชมประเทศไทยมากนัก เพราะรถติดมากแทบทุกวัน