19 ก.ย. 2566 – นายรัฐวุฒิ พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พารากอน คาร์ เรนทัล จำกัด หรือ Hertz Thailand (เฮริซ์ ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เฮริซ์ ประเทศไทย เป็นผู้ให้บริการรถเช่าอย่างมืออาชีพ และยังเป็นแบรนด์รถเช่ามาตรฐานระดับโลกที่มีอายุยาวนานมากกว่า 100 ปี ภายใต้แนวคิด Let’s Go ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจในการบริการและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาคุณภาพและการให้บริการรถเช่าที่มีความทันสมัยตรงกับความต้องการของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค บริษัทจะเน้นให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีและแอปพลิเคชันในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้พัฒนาแอปพลิเคชันเสร็จสมบูรณ์แล้ว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด โดยเฉพาะในด้านของความสะดวกสบายในการใช้งาน และการรับรถรวดเร็วผ่านระบบ FAST LANE ซึ่งลูกค้าสามารถจองรถเช่าได้ทันทีผ่านแอปพลิเคชัน
“เราจะไม่หยุดยั้งในการพัฒนาและสร้างความสนุกสนานให้กับลูกค้าผ่านโปรแกรม Fun Points บนแอปพลิเคชัน Hertz Thailand ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าได้เป็นอย่างดี” นายรัฐวุฒิ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายสาขาให้บริการเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีจุดให้บริการรถเช่าอยู่ 16 สาขา โดยทำเลที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือ สาขาในสนามบิน เนื่องจากแนวโน้มการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเริ่มกลับมาเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ มากขึ้น โดยในส่วนของสาขาที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ สนามบินสุวรรณภูมิ ตามด้วยสนามบินภูเก็ต สำหรับสัดส่วนของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในปัจจุบัน 60% ยังคงเป็นลูกค้าคนไทย ส่วนอีก 25% เป็นกลุ่มลูกค้าในภูมิภาคเอเชีย และที่เหลือประมาณ 15% จะเป็นกลุ่มลูกค้าจากยุโรปและอเมริกา
นายศิริวัฒน์ ไหลสืบศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท พารากอน คาร์ เรนทัล จำกัด หรือ Hertz Thailand (เฮริซ์ ประเทศไทย) กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ ธุรกิจมีการขยายตัวในทิศทางที่ดีและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเหมือนที่ผ่านมา ทำให้การท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว ทำให้บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจรถเช่าให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ด้วยการสั่งซื้อรถเช่าระยะสั้นเข้ามาให้บริการเพิ่มเติมอีก 600 คัน ในรูปแบบเช่าระยะสั้น ภายใต้งบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมีรถเช่าที่ให้บริการทั้งในรูปแบบระยะสั้นและระยะยาวจำนวน 3,500 คัน
“ปัจจุบัน บริษัทไม่เพียงให้ความสำคัญเพื่อขยายส่วนแบ่งจากตลาดรถเช่าระยะสั้นเพียงเท่านั้น แต่บริษัทยังได้มีการมุ่งเน้นกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อที่จะเดินหน้าขยายฐานลูกค้ารถเช่าระยะยาวควบคู่กันไปทั้งลูกค้าองค์กรภาครัฐและเอกชน” นายศิริวัฒน์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจใหม่ในส่วนของการจำหน่ายรถยนต์มือสอง ด้วยการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาทำธุรกิจจำหน่ายรถยนต์มือสองเต็มรูปแบบ โดยหลังจากบริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในอีก 3 ปีน่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดรถเช่าระยะสั้นไม่ต่ำกว่า 30% ส่วนเป้าหมายสิ้นปี 2566 นี้ คาดว่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 2 เท่าจากปี 2565
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บลจ.กรุงศรี' คัดกองทุนเด่น ชวนลูกค้าวางแผนการเงินรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี
บลจ.กรุงศรี คัดสรร SSF/RMF/Thai ESG มาแนะนำ ครบทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสมหลายสินทรัพย์ หุ้นไทย และกองทุนหุ้นสไตล์ defensive ซึ่งเหมาะกับการลงทุนยาว ตอบโจทย์ทุกสภาวะการลงทุนพร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี