“อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ” เมินให้ความเห็นโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต-พักหนี้ แจงไม่ชอบนโยบายเหวี่ยงแห ด้าน “สภาพัฒน์” ชี้รัฐเพิ่มงบขาดดุล 1.3 แสนล้านบาท ใช้กระตุ้นกำลังซื้อ ยังไม่รวมแจกเงิน 1 หมื่นบาท ปักธงจีดีพีปีนี้โต 2.5-3% ห่วงส่งออกยังระส่ำ
19 ก.ย. 2566 – นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ กล่าวในงานประชุมประจำปี 2566 “Transitioning Thailand : Coping with the Future” ว่า การที่รัฐบาลพิจารณาเพิ่มงบประมาณรายจ่ายปี 2567 เป็นขาดดุล 1.3 แสนล้านบาทนั้น ถือเป็นการเพิ่มขาดดุลงบประมาณเพื่อนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละด้าน โดยเฉพาะด้านกำลังซื้อ โดยงบดังกล่าวยังไม่รวมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะต้องหารือร่วมกันว่าจะนำเงินงบประมาณในส่วนใดมาใช้
ทั้งนี้ ยังมองว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 2.5-3% เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องการส่งออก ขณะที่ปี 2567 ที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายจีดีพีขยายตัว 5% นั้น มองว่าเป็นการแสดงความมุ่งมั่นในการพัฒนาให้เศรษฐกิจขยายตัว
ขณะที่นายวิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง กล่าวในการเสวนา Inclusive Green Growth Transitionว่า ไม่ชอบนโยบายที่เหวี่ยงแห โดยการดำเนินนโยบายต่าง ๆ จะต้องควบคู่กับการเพิ่มผลิตภาพ และไม่ทำลายภูมิคุ้มกันด้านการเงินการคลังของประเทศ รวมถึงวินัยการเงินของประชาชน
“ขอไม่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายแจกเงิน 1 หมื่นบาท และการพักหนี้เกษตรกร แต่โดยส่วนตัวและที่พูดมาตลอดคือ ไม่ชอบนโยบายเหวี่ยงแห การทำอะไรต้องมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และจัดแรงจูงใจที่เหมาะสม เช่น การทำคลินิกแก้หนี้ต้องมีแรงจูงใจ ไม่นำไปสู่การก่อหนี้ใหม่ มีทางออกให้ได้ โดยต้องทำควบคู่ไปกับการเพิ่มรายได้ มีรายได้เพิ่ม” นายวิรไทย กล่าว
นายวิรไท กล่าวอีกว่า ประเทศไทยต้องเตรียมบริหารจัดการภายในให้ดีและรับมือความเสี่ยงภายในให้ได้ เพื่อรองรับกับความท้าทาย โดยมีทั้งหมด 5 ด้าน คือ 1.ต้องมีผลิตภาพ ซึ่งเป็นโจทย์ที่สำคัญ2.เรื่องโครงสร้างระบบราชการ รัฐวิสาหกิจ เป็นโครงสร้างที่ไม่ได้เอื้อกับการทำงานใหม่ ๆ ของประเทศ และของโลก โดยวิธีการแก้ปัญหาคือ จัดตั้งคณะกรรมการเต็มไปหมดแต่ไม่มีผลลัพธ์ 3.ระบบนิติรัฐและคอรัปชัน ทำลายการแข่งขัน ทำลายผลิตภาพ ทำลายความไว้วางใจ เรื่องความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก4.เรื่องใหญ่มากคือเป็นสังคมผู้สูงวัยโดยสมบูรณ์แบบ แต่สวัสดิการรัฐไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้ และ 5.เปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อดีตผู้ว่าธปท. ค้านรัฐบาลส่งคนนั่งปธ.บอร์ดธปท. หวั่นเกิดหายนะเศรษฐกิจ
แรงต้านสูง ไม่เอา กิตติรัตน์ นั่งปธ.บอร์ดธปท. กลุ่มลูกศิษย์หลวงตาบัวค้านหวั่นเข้าครอบงำแบงก์ชาติ
'สศช.'หนุนเจรจาหาประโยชน์ร่วมกัมพูชา
“สภาพัฒน์” หนุนเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลใช้ประโยชน์แหล่งพลังงานร่วมกันกับกัมพูชา จับตาครม. ต่ออายุ เลขาสศช.
'สภาพัฒน์' สั่งจับตาหนี้เสีย แนะแบงก์ปรับโครงสร้างหนี้
‘สภาพัฒน์’เผยหนี้เสียยังเพิ่มขึ้นมาที่ 2.99% เร่งแบงก์ปรับโครงสร้างหนี้ แนะจับตาประเด็นการกู้เงินนอกระบบบนโซเชียลมีเดีย ส่วนอัตราว่างงานไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 1.07% เพิ่มขึ้นครั้งแรกหลังฟื้นตัวจากโควิด
อดีตผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ค้านเปิดกาสิโน ชี้เป็นนโยบายฉาบฉวย ผลข้างเคียงสังคมเยอะ
นโยบายกาสิโนอาจจะช่วยเรื่องเศรษฐกิจให้มีรายได้ มีคนเข้ามาเล่น แต่ผมว่า เป็นนโยบายที่ฉาบฉวย คือไม่ได้เป็นนโยบายที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประชาชนในภาพใหญ่