'คลัง' การันตีเศรษฐกิจ ก.ค. ยังแกร่ง

“คลัง” การันตีเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค. 2566 ยังแกร่ง อานิสงส์บริโภค-ลงทุนเอกชนหนุน ฟุ้งท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง โต 119.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โวต่างชาติตบเท้าเข้าไทยพรึ๊บ ส่งออกซึมต่อ ติดลบ 6.2% หลังส่งออกยางพารา-อาหารทะเลกระป๋อง-คอมพิวเตอร์-น้ำตาลทรายลด

31 ส.ค. 2566 – นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยประจำเดือน ก.ค. 2566 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้น 17.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ เพิ่มขึ้น13.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุน เพิ่มขึ้น 6.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือน ก.ค. 2566 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม 2.49 ล้านคน ขยายตัว 119.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย และเวียดนาม เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย จำนวน 19.8 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัว18.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

สำหรับภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.7% จากการขยายตัวของผลผลิตในหมวดปศุสัตว์และไม้ผล ขณะที่ผลผลิตข้าวเปลือก มันสำปะหลัง และข้าวโพด ลดลง ส่วนภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 92.3 จากระดับ 94.1 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 55.6 จากระดับ 56.7 ในเดือนก่อน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อปัญหาหนี้ครัวเรือน ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริงลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -1.6%

ทั้งนี้ ในส่วนของมูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 22,143.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -6.2% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกสินค้าเครื่องคอมพิวเตอร์ฯ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป ยางพารา อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และน้ำตาลทราย ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี สินค้าที่ยังขยายตัวได้ดี อาทิ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องโทรศัพท์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง นมและผลิตภัณฑ์นม และสิ่งปรุงรสอาหาร

โดยเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงตามอุปสงค์ที่ชะลอตัวของประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ดี ยังมีหลายตลาดที่ยังคงขยายตัวได้ดี อาทิ ตลาดฮ่องกง ขยายตัว 9.7%, สหราชอาณาจักร ขยายตัว 5.8%, ทวีปออสเตรเลีย ขยายตัว 2.4% และสหรัฐฯ ที่ขยายตัว0.9% สอดคล้องกับกลุ่มตลาดอื่น ๆ ขยายตัวได้ดี อาทิ ตลาดสวิตเซอร์แลนด์ ที่ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ 64.9% และรัสเซีย ที่ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 33.8%

อย่างไรก็ดี เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ก.ค. 2566 อยู่ที่ 0.38% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.86% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2566 อยู่ที่ 61.2% ต่อจีดีพี ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานรายใหม่ ในเดือน ก.ค. 2566 อยู่ที่ 0.61% ของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทั้งหมด สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ก.ค. อยู่ในระดับสูงที่ 220.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เพิ่มเพื่อน