นักวิชาการมอง “เศรษฐา ทวีสิน”นายกคนใหม่ ตอบโจทย์กลุ่มนักธุรกิจ แนะเร่งจัดตั้งรัฐบาลวางนโนบายเพื่อสร้างความมั่นใจ หนุนดึงการท่องเที่ยว ช่วยกระจายรายได้ ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ย้ำงานราชการมีกฎกติการเงื่อนไข จะทำเหมือนตอนเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหา
28 ส.ค. 2566 – ผศ.สุวิชา เป้าอารีย์ ผอ.ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล เปิดเผยถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ที่ถือเป็นนักธุรกิจเก่า มองว่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันจะดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังด้วย เสียงตอบรับให้ดูจาก วันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นวันที่เลือกนายกฯ พบว่าหุ้นปรับขึ้นต่อถึงวันที่ 23 ส.ค.แสดงให้เห็นว่าตลาดให้การตอบรับนายกฯคนที่ 30 เป็นอย่างดี หรือแม้แต่การทำโพลในกลุ่มของคนสนับสนุนคุณเศรษฐา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของนักธุรกิจ พนักงงานเอกชน และเจ้าของกิจการทั้งหลาย แสดงว่าเขาให้ความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะเดินหน้าไปได้
“และที่สำคัญเขารอรัฐบาลใหม่มานาน รอมาร้อยวัน กว่าจะได้นายกฯ ฉะนั้นเมื่อได้นายก เป็นคุณเศรษฐา เลยเกิดความมั่นใจว่าจะเดินหน้าไปได้ ซึ่งเศรษฐกิจต้องขึ้นอยู่ที่ว่า เมื่อจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ประกาศนโยบายแล้ว เขาจะดำเนินนโยบายไหนก่อนที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว มองว่าสิ่งสำคัญตอนนี้คือการดึงการท่องเที่ยว ดึงต่างชาติเข้ามา เพราะการท่องเที่ยวเป็นการกระจายรายได้ ที่เรียกว่าทุกฝ่ายได้ประโยชน์เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นคนขายไข่ปิ้งริมทะเล รวมไปถึงเจ้าของกิจการโรงแรม5ดาว ทุกคนได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวทั้งสิ้น การท่องเที่ยวมา ทำให้เกิดเงินสะพัด ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้”ผศ.สุวิชา กล่าว
อย่างไรก็ตามส่วนเรื่องของแรงงานต่างๆ ค่าแรงที่มองไว้ที่พรรคเพื่อไทยมีนโยบายว่าจะขึ้นค่าแรง เงินเดือนปริญญาตรี เงินดิจิทัล เหล่านี้ต้องมองสเต็ปให้ชัดเจนออกมาเลยว่าจะทำอย่างไร เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่าเศรฐกิจกำลังจะเดินหน้า ไม่ใช่ว่าเข้ามาถึงแล้วบว่าขอดูก่อน มองว่าต้องสร้างความมั่นใจก่อน แล้วเดินตามสเต็ป ยิ่งมีนักท่องเที่ยวเข้ามายิ่งเดินตามสเต็ปไปข้างหน้าได้เอง
ทั้งนี้มองนายเศรษฐา สามารถดำเนินงานตามสเต็ปได้ แต่ขอเตือนว่าเอกชนไม่เหมือนราชการ มีข้อกฎหมาย มีเงื่อนไขต่างๆมากมาย จะทำเหมือนตอนเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาเลยไม่ได้ ระบบราชการไทยต้องค่อยเดินๆทีมงานเศรษฐกิจต้องพร้อม ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษา-ทีมงานด้านเศรษฐกิจ หรือคนที่จะเข้ามาเป็น รมช.คลัง ด้วย ในขณะที่ตัวคุณเศรษฐา เองจะเป็น รมว.คลัง ซึ่งต้องสร้างความมั่นใจให้ภาคธุรกิจด้วย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่นายกฯคนใหม่ต้องควรระวัง โดยเฉพาะพฤติกรรมอะไรก็ตามซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องในภาคธุรกิจเอกชนแต่ไม่ถูกต้องในภาคราชการ อย่านำมาใช้ เช่น หลายๆเรื่องที่คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำออกมาพูด หลายเรื่องๆเราก็ดูออกว่าในภาคธุรกิจบางเรื่องก็ทำเป็นเทคนิคทางธุรกิจอยู่แล้วแต่คนข้างนอกอาจมองว่าไม่ตรงไปตรงมา ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถนำไปใช้กับระบบราชการที่มีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะได้ ขณะเดียวกันมองว่าถ้าไม่เกิดสงคราม เศรษฐกิจจะค่อยๆฟื้นอย่างแน่นอน ต้องบอกว่าพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่โชคดี เข้ามาเป็นรัฐบาลที่โง้หัวขึ้นทุกที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โพลชี้ ปี 67 คนเหนื่อยหน่าย ‘รายได้ต่ำ-เศรษฐกิจตก’
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า เปิดเผยผลการสำรวจ ของประชาชน เรื่อง “เหนื่อยหน่ายกับอะไรบ้าง ในปี 2567 ที่ผ่านมา”
นับถอยหลัง 2567 5 ฉากร้อนการเมืองไทย
นับถอยหลังต่อจากนี้ ก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์ ก็เข้าสู่ช่วง “นับถอยหลังอำลา 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568” กันแล้ว
คน กทม. เกินครึ่งไม่เห็นด้วยมาตรการเก็บค่าธรรมเนียมรถติด
นย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ ของประชาชน เรื่อง “สองมาตรการใหม่ คน กทม. จะเอาไง” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 27-29 พฤศจิกายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร กระจายระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของคนกรุงเทพมหานคร หากมีการใช้มาตรการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการเก็บขยะและค่าธรรมเนียมรถติด
3 นายกฯ 'อิ๊งค์-ทักษิณ-เศรษฐา' ร่วมเปิดงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย
พรรคเพื่อไทยจัดสัมนาภายใต้โครงการ เสริมศักยภาพ สส. และบุคลากรทางการเมือง มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯในฐานะหัวหน้าพรรค นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ รวมถึงแกนนำ
หัวลำโพงคึกคัก! 'อิ๊งค์' นำทีม พท. สัมมนาหัวหิน ตื่นเต้นขึ้นรถไฟรอบ 20 ปี
’แพทองธาร‘ นำทีม ’เพื่อไทย’ ขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ มุ่งหน้าสัมมนาหัวหิน ‘เศรษฐา-โอ๊ค-เอม’ ร่วมด้วย ตื่นเต้นนั่งรถไฟรอบ 20 ปี
ผลโพลสูสี คนอยากแก้ กับ ไม่อยากแก้ 'รธน.' มีใกล้เคียงกัน
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “ประชามติและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-3 ธันวาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ