25 ส.ค. 2566 – นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า นโยบายดูแลเกษตรกรที่พรรคร่วมรัฐบาลประกาศออกมาแล้วว่าจะมีการพักชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรนั้น ขณะนี้ธนาคารได้มีการเตรียมฐานข้อมูลลูกหนี้ทุกกลุ่ม กลุ่มอายุ มูลหนี้ต่าง ๆ โดยขณะนี้ได้รับการประสานจากกระทรวงการคลังมาแล้วเกี่ยวกับวิธีการว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง พร้อมทั้งมีการแยกทุกมิติเพื่อให้เห็นภาพว่าเมื่อดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวแล้วธนาคารจะเป็นอย่างไรบ้าง ต้องรับภาระอะไรบ้าง โดยรายละเอียดของมาตรการตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับรัฐบาล คงต้องรอความชัดเจนหลังแถลงนโยบายอีกรอบ
“ตอนนี้กระทรวงการคลังได้ประสานงานมาแล้วในเรื่องของวิธีการ ซึ่งวิธีการยังไม่ชัดว่าจะพักในมิติไหนบ้าง หรือว่าจะมีการชำระในส่วนไหนบ้าง พักเฉพาะเงินต้น หรือดอกเบี้ยด้วย เพราะถ้าพักดอกเบี้ยด้วยก็จะมีผลกับงบดุลของธนาคาร รวมถึงมาตราฐานบัญชี และหากพักหนี้ แต่มีกลุ่มลูกหนี้ที่มีศักยภาพสามารถชำระได้ ก็จะมีมาตรการจูงใจให้ด้วย ตอนนี้สิ่งที่ ธ.ก.ส. เตรียมทั้งหมดคือฐานข้อมูล และมีการแยกทุกมิติว่าธนาคารจะต้องรับภาระอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นกระแสเงินสด ดอกเบี้ยรับ รวมถึงการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญตามมาตรฐานบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่วนรายละเอียดทั้งหมดต้องมาคุยกันอีกที” นายฉัตรชัย กล่าว
ส่วนนโยบายเรื่องเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทนั้น นายฉัตรชัย ระบุว่า หากรัฐบาลจะใช้ ธ.ก.ส. เป็นช่องทาง ก็พร้อมรับนโยบาย เพราะ ธ.ก.ส. มีเทคโนโลยีที่รองรับได้ แต่จะต้องมาดูบริบทของลูกค้าของ ธ.ก.ส. ด้วยเพราะส่วนมากลูกค้าของธนาคารประกอบอาชีพเกษตรกรซึ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่ได้ประกอบอาชีพในเมือง ว่าจะตรงกับกลุ่มเป้าหมายและเงื่อนไขต่าง ๆ ที่รัฐบาลกำหนดหรือไม่ เช่น การกำหนดรัศมีใช้จ่ายใน 4 กิโลเมตร อาจจะไม่สอดคล้องกับธรรมชาติของเกษตรกรที่ค่อนข้างกระจายตัว ไม่กระจุกตัวเหมือนในเมือง
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปีบัญชี 2566 (เม.ย.-มิ.ย.) ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนสินเชื่อในภาคเกษตรกรไปแล้ว 7.4หมื่นล้านบาท ส่งผลให้มีสินเชื่อคงค้างทั้งสิ้น 1.62 ล้านล้านบาท ยอดเงินฝากสะสม 1.82 ล้านล้านบาท มีสินทรัพย์ 2.23 ล้านล้านบาท หนี้สินรวม 2.08 ล้านล้านบาท และส่วนของเจ้าของ 1.51 แสนล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2.06 พันล้านบาท ขณะที่สถานการณ์หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) นั้น ภายหลังจากเข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ได้ 5 เดือน ภารกิจสำคัญส่วนหนึ่งคือ การแก้ NPL ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 8.46% โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปีบัญชี 2566/67 (สิ้น มี.ค.2567) จะลดสัดส่วนเอ็นพีแอลให้เหลือไม่เกิน 5.5% หรือราว 9 หมื่นล้านบาท
“เราพยายามป้องกันไม่ให้มีหนี้ไหลทะลุไปเป็น NPL โดยเมื่อเดือน มี.ค. 2566 มีหนี้ครบดีล 4.7 แสนล้านบาท เราได้บริหารจัดการด้วยเครื่องมือต่าง ๆ จนหนี้ก้อนดังกล่าวได้มีการชำระและเหลือเป็น NPL ไหลเข้ามาเพียง 1 หมื่นกว่าล้านบาท ขณะเดียวกันเดือนนี้ เราตั้งเป้าบริหารจัดการ NPL ออกประมาณ 5 พันล้านบาท ดังนั้นตัวเลขหนี้เสียจากสิ้นปีบัญชีที่ผ่านมาที่ราว 7% ก็ปรับเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยเป็น 8.46%” นายฉัตรชัย กล่าว
อย่างไรก็ดี ในปีบัญชี 2566 ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อให้ภาคเกษตรเติบโตเพิ่มขึ้น 8.5 หมื่นล้านบาท เงินฝากเพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ภูมิธรรม' ยันรัฐบาลแพทองธาร เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้านโยบายรัฐบาล
งอมแงม! 'นอร์ทกรุงเทพโพล' เผยผลสำรวจปชช.เอาด้วยแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจแม้ว แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต
ดร.สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นอร์ทกรุงเทพโพล” มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เปิดเผยว่า จากการสำรวจ
ใช้บังคับแล้ว พ.ร.บ.งบฯรายจ่ายเพิ่มเติมวงเงิน 122,000,000,000 บาท รองรับดิจิทัลวอลเล็ต
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ