นายกฯ ตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ จ.สระบุรี พอใจความก้าวหน้าเป็นไปตามแผน มั่นใจหากโครงการแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเดินขบวนรถได้สะดวก
17 ส.ค.2566 – น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 08.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี เพื่อไปตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าโครงข่ายคมนาคมระบบราง งานอุโมงค์รถไฟผาเสด็จช่วงมาบกะเบา - หินลับ ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ และตรวจเยี่ยมงานอุโมงค์มวกเหล็ก และลำตะคอง ช่วงอุโมงค์มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ในโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา สัญญาที่ 3-2 งานอุโมงค์มวกเหล็ก และลำตะคอง ตามนโยบายรัฐบาลที่ได้วางแผนและเร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ผลักดันให้เกิดโครงการรถไฟทางคู่ และโครงการรถไฟความเร็วสูง เพื่อรองรับและสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ยกระดับการเดินทางและศักยภาพการให้บริการขนส่งระบบราง เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่ทั่วประเทศและรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบอย่างไร้รอยต่อ ลดต้นทุนการขนส่งระบบโลจิสต์ติก เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าทางรถไฟ ลดระยะเวลาในการเดินทางได้อย่างชัดเจน และมีความปลอดภัย
โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม และผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ร่วมตรวจเยี่ยมด้วย
สำหรับการตรวจเยี่ยมโครงข่ายคมนาคมระบบรางครั้งนี้ จุดแรก นายกฯ และคณะได้ตรวจติดตามความก้าวหน้างานอุโมงค์รถไฟผาเสด็จ (อุโมงค์ที่ 1) ช่วงมาบกะเบา-หินลับ ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 ซึ่งสัญญาที่ 3 เป็นงานอุโมงค์รถไฟ จำนวน 3 อุโมงค์ ได้แก่ อุโมงค์ที่ 1 ตั้งอยู่ระหว่างสถานีมาบกะเบา สถานีผาเสด็จ และสถานีหินลับ จ.สระบุรี มีความยาว 5.85 กิโลเมตร มีความกว้างประมาณ 7.50 เมตร สูง 7.00 เมตร มีลักษณะเป็นอุโมงค์คู่ รางเดี่ยว ซึ่งเป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เป็นการออกแบบที่มีระบบความปลอดภัยค่อนข้างสูง โดยภายในอุโมงค์มีช่องอพยพผู้โดยสารทุก ๆ ระยะ 500 เมตร ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัย ปัจจุบันมีความคืบหน้าร้อยละ 98.130 อุโมงค์ที่ 2 ตั้งอยู่ระหว่างสถานีหินลับ และสถานีมวกเหล็กใหม่ จ.สระบุรี มีความยาว 650 เมตร กว้าง 11.00 เมตร สูง 7.30 เมตร มีลักษณะเป็นอุโมงค์เดี่ยว รางคู่ โดยช่องอุโมงค์ที่มีขนาดใหญ่กว่าอุโมงค์อื่น ๆ ทำให้มองเห็นปากอุโมงค์ทั้งสองฝั่งได้อย่างชัดเจน ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และอุโมงค์ที่ 3 ตั้งอยู่บริเวณเขื่อนลำตะคอง ระหว่างสถานีคลองขนานจิตร อ.ปากช่อง และสถานีคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา มีความยาวประมาณ 1.4 กิโลเมตร กว้าง 7.50 เมตร สูง 7.00 เมตร ลักษณะเป็นอุโมงค์คู่ รางเดี่ยว ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยอุโมงค์ทั้ง 3 แห่ง มีศักยภาพในการพัฒนาพื้นที่โดยรอบ ซึ่งในอนาคตได้มีการวางแผนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีทิวทัศน์สวยงาม เนื่องจากโดยรอบเป็นภูเขาและป่าร่มรื่น
น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า นายกฯ ได้รับฟังรายงานความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ จากนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และได้ขึ้นขบวนรถไฟไปยังอุโมงค์ผาเสด็จ ระยะทาง 300 เมตร เพื่อเยี่ยมชมอุโมงค์ผาเสด็จ ก่อนขึ้นขบวนรถไฟกลับไปยังบริเวณพื้นที่โครงการฯ โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยกันดำเนินงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ มีความก้าวหน้าเกิดผลสำเร็จเป็นไปแผนที่กำหนดไว้ และเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ได้วางแผนและเร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์ ระบบราง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และรองรับการพัฒนาประเทศ ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่รัฐบาลได้วางแผนไว้ พร้อมย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้ประชาชนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประชาชนและประเทศจะได้รับจากโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ รวมถึงโครงการอื่น ๆ ที่รัฐบาลได้ดำเนินการไว้สำหรับประชาชนและประเทศชาติ ในการพัฒนาไปสู่อนาคต ส่วนบางโครงการที่อยู่ในระหว่างการศึกษา ก็ขอให้ดำเนินการต่อให้เกิดผลสำเร็จตามแผนและเป้าหมายที่วางไว้ต่อไป
“รัฐบาลมั่นใจว่าหากโครงการฯ แล้วเสร็จจะช่วยเสริมประสิทธิภาพการเดินขบวนรถได้อย่างสะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถรองรับขบวนรถเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 2 เท่าตัว โดยขบวนรถโดยสาร จะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้เฉลี่ย 100-120 กม./ชม. จากเดิม 50 กม./ชม. และขบวนรถสินค้า จะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้เฉลี่ย 60 กม./ชม. จากเดิม 29 กม./ชม. ลดระยะเวลาการเดินทาง มีความตรงต่อเวลาของขบวนรถ เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาในการรอหลีกขบวนรถ ลดต้นทุนการขนส่งด้านโลจิสติกส์ และประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางมากยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยเพิ่มความปลอดภัยทั้งผู้ใช้รถใช้ถนนกับผู้โดยสารรถไฟ ด้วยการแก้ปัญหาจุดตัดระหว่างทางรถไฟกับถนนให้เป็นทางต่างระดับทั้งหมด ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาอุบัติเหตุได้อย่างยั่งยืน โดยคาดว่าจะก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จ และเปิดเดินรถในทางคู่ใหม่บางส่วนได้ภายในปี 2567 นี้”น.ส.ไตรศุลี กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บิ๊กป้อม' ลั่นพอแล้ว! เปิดบ้านป่ารอยต่อฯ อวยพรปีใหม่
'บิ๊กป้อม' เปิดมูลนิธิป่ารอยต่อฯ อวยพรปีใหม่ ลั่นอายุ 80 ปี พอแล้ว ท่ามกลางปัญหาสุขภาพรุมเร้า ถอนตัวแคนดิเดตนายกฯ เตรียมวางมือการเมือง ขณะที่อดีตบิ๊กทหารตบเท้าร่วมรับพร
นายกฯ ขอบคุณ 4 กระทรวงผนึกกำลังแก้ฝุ่นพิษ
นายกฯ ขอบคุณ 4 กระทรวงผนึกกำลังแก้ฝุ่น ชูสโลแกนอากาศดีปีใหม่พลัส หนุน ขอบคุณชาวไร่อ้อยไม่เผา หวังนำอากาศดีมาให้คนไทย
'ศรีสุวรรณ' มาอย่างไว! ร้อง กกต.สอบ 'อนุทิน' หาเสียงสัญญาว่าจะให้
'ศรีสุวรรณ' มาไว! ร้อง กกต.สอบ 'อนุทิน' พูดเปิดเวทีพรรคภท.ระบุ 'ยังติดเงินพี่น้อง 2,400' เข้าข่ายหาเสียงสัญญาว่าจะให้หรือไม่
แจ้งเตือน 7 จังหวัดใต้ระวัง 25-28 ธ.ค. น้ำท่วมฉับพลัน
รัฐบาลแจ้งเตือน 7 จังหวัดภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม ช่วงวันที่ 25 - 28 ธ.ค. 68
พลิก! ภูมิใจไทยเสนอแคนดิเดตนายกฯ 2 คน 'อนุทิน-สีหศักดิ์'
ชัดแล้ว! 'ภูมิใจไทย' ประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 2 คน 'อนุทิน - สีหศักดิ์' ยกสถานการณ์ปัจจุบัน มีความเหมาะสมที่สุด ส่วน 'ศุภจี - เอกนิติ' ตอบรับร่วมงานต่อเนื่อง หากได้รับเลือกให้จัดตั้งรัฐบาล
'อนุทิน' ลั่นพร้อมเป็นนายกฯ จะทำให้ดีและยิ่งใหญ่กว่า 3 เดือนที่ผ่านมา
'อนุทิน' ประกาศ 'ผมเป็นนายกฯ' พร้อมดัน 'เอกนิติ -ศุภจี-สีหศักดิ์' เป็นรองนายกฯ สู้ศึกเลือกตั้ง โวมีสส.เพิ่มทุกครั้ง พร้อมเปิดนโยบายทหารอาสา 1 แสนคนเงินเดือน 1.2 หมื่นเพิ่มความเข้มแข็งปกป้องอธิปไตย

