'แบงก์ชาติ' ห่วงตั้งรัฐบาลล่าช้าทุบเชื่อมั่นภาคธุรกิจ

“แบงก์ชาติ” ห่วงตั้งรัฐบาลลากยาวทุบเชื่อมั่น ชี้ กนง. พร้อมทบทวนปัจจัยเสี่ยง เศรษฐกิจโลกชะลอ-ค่าครองชีพสูง กระทบกลุ่มเปราะบาง มองไตรมาส 2 ท่องเที่ยวยังหนุน ต่างชาติเข้าไทย 6.4 ล้านคน ดันบริโภคเอกชนฟื้น

31 ก.ค. 2566 – นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลที่ล้าช้า หรือลากยาวมาก ๆ นั้น อาจจะมีผลกระทบในเรื่องความเชื่อมั่นมากกว่า ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณมองว่า ในแง่เม็ดเงินจากงบรายจ่ายประจำยังไปได้ตามกรอบเดิม แต่ที่อาจจะล่าช้าคืองบลงทุน ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งก่อนได้มองแล้วว่าปัจจัยดังกล่าวอาจจะส่งผลให้การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าไปบ้าง

“อย่างที่บอกว่าผลกระทบขึ้นอยู่กับระยะเวลา แต่ถ้าลากยาวมาก ๆ อาจมีผลกระทบในเรื่องความเชื่อมั่น โดยภาพรวมอยากให้รอทาง กนง. ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 2 ส.ค. นี้ รวมถึงอยากให้ดูตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 จริง ๆ จากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ จะเห็นภาพจริงว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ภาพเศรษฐกิจไทยจะออกมาเป็นอย่างไร” นางสาวชญาวดี กล่าว

ทั้งนี้ ยอมรับว่ายังมีปัจจัยเสี่ยงหลัก ๆ ที่ต้องจับตา เพราะจะมีผลกับเศรษฐกิจไทย คือ ปัญหาเศรษฐกิจและการเงินโลก ที่มองว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะชะลอลง และต้องดูว่าจะยืดเยื้อกว่าที่คาดการณ์หรือไม่ รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลและนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นหากลากยาว รวมไปถึงสถานการณ์ค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง อาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบาง โดย กนง. จะมีการทบทวนความเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งหมดอีกครั้ง

นางสาวชญาวดี กล่าวอีกว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2566 ปรับดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่6.4 ล้านคนส่งผลให้ภาคบริการและการบริโภคภาคเอกชนขยายตัว โดยในระยะต่อไปภาคการท่องเที่ยวก็น่าจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ สะท้อนจากปริมาณการค้นหาเกี่ยวกับAir และ Accommodation ในไทยของต่างชาติการลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้น ส่วนหนึ่งจากการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ ด้านการส่งออกสินค้า ติดลบ 5.6%ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงจากการผลิตยานยนต์และหมวดอาหารและเครื่องดื่มเป็นหลัก

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน มิ.ย. 2566 อยู่ในทิศทางฟื้นตัว โดยภาคการท่องเที่ยวปรับดีขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่2.24 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและจีนรวมถึงการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำปรับเพิ่มขึ้นจากสินค้าเกษตรเป็นสำคัญหลัก ๆ มาจากการส่งออกสินค้าเกษตรเป็นสำคัญ โดยเฉพาะทุเรียนภาคใต้ไปจีน ขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมทรงตัว สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรม

โดยภาพรวมการส่งออกในเดือน มิ.ย. 2566 ยังติดลบที่ 5.9% ขณะที่แนวโน้มการส่งออกในเดือน ก.ค. มองว่ายังไม่น่ากลับมาเป็นบวกได้ จะยังเห็นการส่งออกติดลบอยู่บ้าง ตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่คิดว่าน่าจะยังทรงตัวไปก่อน โดยภาพรวมส่งออกน่าจะกลับมาดีขึ้นในช่วงปลายปี 2566 ซึ่งทิศทางเศรษฐกิจภาพรวมในช่วงนี้ การส่งออกอาจจะยังมีความเสี่ยงทั้งจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง เศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ และยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องติดตามต่อไป
“การส่งออกน่าจะยังทรงตัว จากดัชนีชี้นำการส่งออกในหลายตัวที่มีแนวโน้มทรงตัวในระยะข้างหน้าตามแนวโน้มเศรษฐกิจคู่ค้าที่น่าจะทรงตัวต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ปลายปีน่าจะปรับดีขึ้นตามวัฎจักรของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์” นางสาวชญาวดี กล่าว

นอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนในเดือน มิ.ย. 2566 ติดลบ 0.3% จากการใช้จ่ายเกือบทุกหมวด อาทิ หมวดสินค้าคงทน เช่น การจำหน่ายรถยนต์ และรถจักรยานยานต์ที่ชะลอตัวลง เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และการส่งมอบไปในช่วงก่อนหน้า, สิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม ส่วนหมดสินค้าไม่คงทน จากยอดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่รวมแอลกอฮอล์และยาสูบ ที่เร่งตัวไปในช่วงก่อนหน้าจากการใช้จ่ายตามโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนหมวดบริการทรงตัวตามการใช้จ่ายในกลุ่มโรงแรม ภัตราคารและการขนส่งผู้โดยสาร ส่วนการลงทุนภาคเอกชนปรับลดลงหลังจากเร่งไปแล้วในเดือนก่อน ขณะที่ดัชนีกาคบริการ ขยายตัวที่ 1.0% โดยเฉพาะโรงแรม ภัตราคาร การขนส่งผู้โดยสารที่ฟื้นตัวได้ดีตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน มิ.ย. 2566 ลดลงมาอยู่ที่ 0.23% จากหมวดอาหารสดเป็นสำคัญ ตามราคาเนื้อสุกรและผักสด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงมาอยู่ที่ 1.32% จากผลของฐานสูงในปีก่อน ด้านตลาดแรงงานยังฟื้นตัว สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจากดุลการค้าที่มูลค่าการส่งออกปรับดีขึ้น ประกอบกับดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลลดลง ตามการส่งกลับกำไรและรายจ่ายทรัพย์สินทางปัญญาที่ลดลงจากเดือนก่อน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟังพี่นะ 'เทพไท' สอนพรรคส้ม รีบปรับตัวหลังคนไม่เชื่อมั่นในบทบาทฝ่านค้าน

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก "เทพไท - คุยการเมือง" พรรคส้ม ฟังทางนี้ วันนี้ขออนุญาตวิเคราะห์ผลการสำรวจ “นอร์ทกรุงเทพโพล” มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ

อึ้ง! ปชช. 57% ไม่เชื่อมั่นฝ่ายค้าน 'ไหม' โดดเด่นสุด 'เท้ง' รั้งอันดับ 9 'ป้อม' บ๊วย

โพลชี้ 'ศิริกัญญา' โดดเด่นสุด สส.ฝ่ายค้าน แซง 'หัวหน้าเท้ง' อยู่อันดับ 9 ตามคาด 'ลุงป้อม' รั้งท้าย อึ้ง! ประชาชนไม่เชื่อมั่นการทำงานฝ่ายค้านกว่า 57%

นิด้าโพลชี้ประชาชน 35% ไม่เชื่อมั่นรัฐบาลแพทองธาร

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “ความเชื่อมั่น ความกังวลที่มีต่อรัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 9-11 กันยายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป